ตั้งแต่ตอนเรียนมหา’ลัยครับ ผมเรียนนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ พอปี 1 เทอมสองก็ลองทำคลิปคัฟเว่อร์เพลงดู ถามว่าทำไมถึงไม่ทำอะไรที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ จริง ๆ การทำเพลงทำดนตรีของผมก็ถือเป็นภาพยนตร์ได้เหมือนกันครับ เพราะมีทั้งภาพและเสียง เป็นศาสตร์เดียวกันที่ใช้การสื่อสารเล่าเรื่องราวผ่านเพลง ผมค้นหาตัวเองว่าชอบทางนี้ได้จากการลองทำนี่แหละครับ ลองเปลี่ยนจากที่เคยทำอยู่ ก็รู้สึกชอบมันเอามาก ๆ แต่ก็ยากนะ เพราะลึก ๆ แล้วคนเราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับผมมันทำให้พัฒนาตัวเองไปอีกขึ้นหนึ่งเลยทันที พอเราสู้กับความกลัวที่จะเปลี่ยน แล้วเราเปลี่ยนมันได้ไปในทางที่ดี แฮปปี้นะ
การคัฟเว่อร์เพลงของผมเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะผมจะเลือกจากเพลงที่ไม่ชอบเอามาทำ มันทำให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เพลงที่ชอบอยู่แล้วมันเปลี่ยนอะไรยากนะว่าไหม ก็ชอบอยู่แล้วทุกอย่างมันลงตัว ฟังแล้วอิน ฟังแล้วเพลิน เลยไม่รู้จะดัด จะปรับอะไร เลยเลือกจากเพลงที่ไม่ชอบเอามาทำดีกว่า ในคลิปจะเห็นผมเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชิ้น แต่ถ้าหลัก ๆ คือกีตาร์กับเปียโน ส่วนชิ้นอื่นจะฝึกเล่นเฉพาะได้ เช่น ขิม ระนาด ฮังดรัม ฯลฯ
ผมไม่ได้ทำเพลงให้คนมาร้อง ๆ แล้วก็จบ เมื่อก่อนผมทำดนตรีเสร็จแล้วให้นักร้องมาร้องเลย แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นให้นักร้องมาก่อนเพื่อจะดูว่าอะไรที่เข้ากับเขา คุยกัน ปรึกษากัน แจมความคิดกัน เขาแจมด้วยเสียงร้อง ผมแจมด้วยดนตรี กลายเป็นเพลงขึ้นมา
การเรียนรู้จากการทำเพลงคัฟเว่อร์คือ ได้ฝึกฝน ลับสกิลตัวเองให้คมขึ้น ฝึกการคิด ทำให้กล้าลองในสิ่งที่ยังไม่กล้าทำหรือเคยทำ ถ้าเทียบดูคัฟเว่อร์แรกกับคัฟเว่อร์เพลงล่าสุด ก็จะเห็นเลยว่าพัฒนาการทางด้านภาพ ด้านการคิดดีขึ้นเรื่อย ๆ มันเป็นพื้นที่ที่ทำให้ผมสร้างสรรค์ผลงานตัวเองได้ และท้าทายตัวเองไปด้วย ที่สำคัญเราต้องไม่ลืมที่จะรีเช็คตัวเองด้วยว่าเรายังสนุกอยู่ไหมกับสิ่งที่ทำ
ใช้ครับ แล้วก็รู้สึกว่าคิดไม่ผิดเลยที่เรียนฟิล์ม ผมไม่ได้เรียนให้ถ่ายเก่งขึ้น แต่ทำให้เข้าใจความหมายของคำว่า อาร์ต ที่ลึกขึ้น ว่าที่จริงแล้วมันเหมือนกันหมด แต่เครื่องมือที่ใช้ วิธีการแต่ละคนจะต่างกันไป มันเลยทำให้ผมได้คิดอะไรที่ลึกขึ้น สื่อสารถึงขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ลึกจนคนธรรมดาจะเข้าถึงไม่ได้ วิธีการนี้ผมก็เอามาใช้กับงานเพลงของผม เราจะทำยังไงให้เพลงที่ทำมาแล้วสะกดจิตคนได้คือทำให้คนเราฉลาดขึ้น เก่งขึ้น
ถ้าในมุมคนนอก มันก็ใหญ่ขึ้เยอะนะจากที่เคยทำมา คนเริ่มรู้จักมากขึ้น ผมว่าประสบความสำเร็จครับ เพราะเกินกว่าที่ผมคาดหวังเอาไว้ และมันสามารถทำให้ผมหันมาทำเพลงกับวง Tilly Birds ต่อได้ด้วย การที่ผมทำช่องเพลงนี้ขึ้นมามีจุดหนึ่งที่คิดมาตลอดคือผมต้องการปล่อยเพลงตัวเอง ทำอะไรที่มันบ้าขึ้น แปลกขึ้น หรือไม่เคยทำมาก่อน ได้ในช่องนี้ (ฮา) อย่างล่าสุด ผมเล่นกีตาร์พร้อมกัน 7 ตัว ก็ทำมาแล้ว
ช่วงที่ผมทำเพลงก็คือช่วงที่เรียนไปด้วย สำคัญเลยต้องรู้จักแบ่งเวลา เรียนพยายามไม่ดรอป และก็จบมาได้เกรดงาม ๆ (หัวเราะ) ความท้าทายต่อไปคือทำช่องของผมให้เป็นระบบมากขึ้น ใหญ่ขึ้น มีซิงเกิล โปรเจกต์ย่อย ๆ พร้อมกันหลายอัน ถึงขั้นต้องวางแผนการทำงานแบบแพลนเนอร์ขนาดเอสี่ ไว้จดงาน จดเวลา จดว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ คิดอะไรได้ในโปรเจกต์ไหน
ถ้ามีน้อง ๆ วัยรุ่นสนใจที่อยากจะเริ่มต้นทำกิจกรรมที่คิดไว้แต่ยังไม่ได้ทำ ก็ขอให้ลงมือทำไปเลย แต่ต้องกล้าที่จะสร้างหรือบิดอะไรก็ตามขึ้นมาเป็นผลงานที่สร้างสรรค์ แบบสร้างลายเซ็นให้ตัวเองดูปุ๊บรู้เลยผลงานของใคร ถือเป็นการสร้าง Portfolio ของเราไว้ สามารถนำไปต่อยอดได้ในอนาคต ทั้งด้านการเรียนและการทำงาน ถ้าจับทางได้มันอาจจะกลายเป็นอาชีพที่เรารักเลยก็ได้
1. จบจากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเกรดเฉลี่ยสามกว่า
2. Youtube Channel BILLbilly01 เริ่มทำมาตั้งแต่เรียนปี ม. 4
3. ทำธีสิสเป็นหนังเพลงในชื่อ BIRDS ซึ่งเป็นหนังที่ทำจากเพลง Tilly Birds ทั้งหมด ฉายในงานกางจอ ครั้งที่ 24 หอศิลป์กรุงเทพ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามถึงกับไม่มีที่นั่ง
4. บิลลี่เป็นหนึ่งในศิลปินวง ‘Tilly Birds’
5. ซิงเกิลแรกที่เป็นเพลงแนว EDM ของ ‘BILLbilly01’ จะออกในช่วงปี 2018 นี้
6. ยอดวิวในการเข้าชมคลิปที่สูงที่สุดอยู่ที่หลักร้อยล้าน ! ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
7. นอกจากชอบทำเพลงแล้ว เขายังมีความสามารถในการเต้น breakdancing/ robot dancing อีกด้วย
8. วิดีโอคัฟเว่อร์เพลงแรกที่ทำขึ้นคือ วันที่ 22 กันยายน 2554
#พื้นที่วัยรุ่น
ทำ เป็น [เล่น] อย่างสร้างสรรค์
เรื่อง : วรรณวิสา สุภีโส
ภาพ : คงกฤช จินตะเวช