Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Grammar: ความแตกต่างระหว่าง Present Perfect Tense และ Past Simple Tense

Posted By Plook Creator | 17 ม.ค. 61
167,849 Views

  Favorite

Present Perfect Tense กับ Past Simple Tense ใช้พูดถึงเรื่องราวในอดีต หรือเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่มีความแตกต่างกันที่มักสร้างความสับสน เราจึงจับทั้ง 2 Tenses นี้มาเทียบความแตกต่างกันให้เห็นชัด ๆ


Present Perfect Tense

โครงสร้าง : S + have/has + past participle (V.3)

I, You, We, They และประธานพหูพจน์ ใช้ have
He, She, It และประธานเอกพจน์ใช้ has


ใช้ Present Perfect Tense เพื่อ

1. เพื่อบอกการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตและดำเนินต่อมาถึงปัจจุบัน เช่น

   Pim has lived in London since 2010.
   (พิมอาศัยอยู่ที่ลอนดอนตั้งแต่ปี 2010)

   I have studied English for a long time.
   (ฉันเรียนภาษาอังกฤษมานานแล้ว)

ข้อสังเกต : ในประโยคจะมีคำหรือกลุ่มคำบอกเวลา คือ
     since = ตั้งแต่ (จุดเริ่มต้นของเวลา เช่น since 7 o’clock, since last week, since 2010)
     for = เป็นเวลา (จำนวนของเวลาที่นับจากเริ่มต้น เช่น for two weeks, for five hours, for ten years)
     ever since = ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (จนถึงเดี๋ยวนี้)
     so far = เรื่อยมาจนปัจจุบันนี้
     up to now = จนบัดนี้
     up to the present time = จนกระทั่งเวลานี้, จนถึงบัดนี้

2. เพื่อบอกการกระทำที่เคยทำบ่อย ๆ ในอดีตและอาจเกิดขึ้นอีก หรือเหตุการณ์ที่ไม่เคยทำ เช่น

    He has seen that film three times.
    (เขาดูหนังเรื่องนั้นมาสามรอบแล้ว)

    A: Have you ever been abroad?
        (คุณเคยไปต่างประเทศหรือเปล่า)
    B: Yes, I’ve been to Japan many times.
        (เคย ฉันเคยไปญี่ปุ่นตั้งหลายครั้ง)
    C: No, never. I’ve never been abroad.
        (ไม่เคย ฉันไม่เคยไปเมืองนอกเลย)

ข้อสังเกต : คำบอกเวลาในประโยค เช่น ever (เคย), never (ไม่เคย)

3. เพื่อบอกการกระทำที่เพิ่งจบลงใหม่ ๆ หรือเพิ่งเสร็จก่อนที่จะพูดไม่นานนัก เช่น

    I have just eaten.
    (ฉันเพิ่งกินเสร็จ)

    My brother has just returned from Italy.
    (พี่ชายของฉันเพิ่งกลับมาจากอิตาลี)

    We have just seen them.
    (พวกเราเพิ่งเห็นพวกเขา)

รูปปฏิเสธของ Present Perfect Tense : เติม not หลัง have/has เป็น haven’t /hasn’t เช่น We haven’t seen him today. (พวกเราไม่เห็นเขาเลยวันนี้)
รูปประโยคคำถามของ  Present Perfect Tense : นำ have/has มาขึ้นต้นประโยค เช่น Have you ever been abroad? (คุณเคยไปต่างประเทศไหม) หรือประโยคคำถามปฏิเสธ เช่น Hasn’t he eaten meat? หรือ Has he not eaten meat? (เขาไม่กินเนื้อสัตว์เหรอ)


Past Simple Tense

โครงสร้าง : S + V.2


ใช้ Past Simple Tense เพื่อ

1. เพื่อบอกการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีต เช่น

    We went to Chiang Mai last week.
    (ฉันไปเชียงใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว)

    Tom arrived at 2.30 p.m. yesterday.
    (ทอมมาถึงตอนบ่ายสองครึ่งเมื่อวานนี้)

    Did you have dinner last night?
    (เมื่อคืนคุณได้ทานดินเนอร์หรือเปล่า)

ข้อสังเกต : คำบอกเวลาแสดงอดีต เช่น yesterday, last week, last month, last year, ago, in 2011 เป็นต้น

2. เพื่อบอกการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นประจำในอดีต แต่ปัจจุบันเลิกทำแล้ว เช่น

    He got up early when he was a boy.
    (เขาตื่นแต่เช้าเมื่อเขาเป็นเด็ก /ปัจจุบันไม่ตื่นเช้าแล้ว)

    She worked in a bank for many years.
    (เธอทำงานที่ธนาคารมาหลายปี / ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว)

รูปปฏิเสธของ Past Simple Tense : ใช้กริยาช่วย Did not (didn’t) + V.1 เช่น I didn’t like tomatoes before. (ฉันไม่ชอบมะเขือเทศมาก่อน)
รูปประโยคคำถามของ Past Simple Tense : ใช้ Did + V.1 เช่น Did you go to the movies last night? (เมื่อคืนคุณไปดูหนังมาหรือเปล่า)


ความแตกต่างระหว่าง Present Perfect กับ Past Simple

Present Perfect

Past Simple


- S + have/has + V.3
I, You, We, They และประธานพหูพจน์ ใช้ have
He, She, It และประธานเอกพจน์ใช้ has


- S + V.2
ใช้ V.2 กับประธานทุกตัว
 


- เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตและดำเนินต่อมาถึงปัจจุบัน เช่น
I have lived in Bangkok for ten years.
(ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว : ปัจจุบันก็ยังอยู่)
 


- เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและจบไปแล้ว เช่น
I lived in Bangkok for ten years.
(ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพเป็นเวลา 10 ปี : ปัจจุบันไม่ได้อยู่แล้ว)

 


- เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตใครบางคน (ถ้าคนนั้นยังมีชีวิตก็คือ ประสบการณ์ชีวิต) เช่น
Nid has never travelled by plane.
(นิดไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบิน / นิดยังมีชีวิตอยู่)
 


- เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตใครบางคน (ถ้าคนนั้นคือคนที่ตายไปแล้ว) เช่น
Nid travelled a lot by plane.
(นิดเคยเดินทางด้วยเครื่องบินหลายครั้ง / นิดตายไปแล้ว)


- เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ระบุเวลาในอดีต และมีผลกระทบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เช่น
I have lost my wallet.
(ฉันทำกระเป๋าสตางค์หาย / ซึ่งหาไม่เจอเป็นผลให้ตอนนี้ไม่มีเงิน)

 


- เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบไป โดยไม่มีผลถึงปัจจุบัน เช่น
I lost my wallet yesterday.
(เมื่อวานฉันทำกระเป๋าสตางค์หาย / ซึ่งแจ้งอายัดบัตร ATM, บัตรเครดิต และซื้อกระเป๋าสตางค์ใหม่เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน ไม่มีผลกระทบต่อเนื่องถึงปัจจุบัน)


- ใช้กับคำที่ไม่ได้ระบุเวลาชัดเจน เช่น today, this week, this year เป็นต้น) โดยที่ช่วงเวลาก็ยังดำเนินต่อไป เช่น
I have worked hard this week.
(สัปดาห์นี้ฉันทำงานหนัก / สัปดาห์นี้ยังไม่จบ ก็ยังคงทำงานหนักต่อไป)


- ใช้กับคำบอกเวลาที่ระบุว่าจบไปแล้ว เช่น yesterday, last week, last month, last year, in 2015 เป็นต้น เช่น
I worked hard last week.
(สัปดาห์ที่แล้วฉันทำงานหนัก / สัปดาห์ที่แล้วจบไปแล้ว)

ข้อควรจำ :
คำบอกเวลาที่มี in the กับไม่มี in the มีความหมายแตกต่างกัน เช่น last week – in the last week, last month – in the last month, last year – in the last year ดังนี้
last week หมายถึง สัปดาห์ที่แล้วก่อนตอนนี้ ซึ่งเป็นการระบุเวลา จึงต้องเป็น Past Simple Tense
in the last week หมายถึง ตั้งแต่ 7 วันก่อนจนถึงขณะนี้ ซึ่งไม่ได้ระบุเวลา จึงต้องเป็น Present Perfect Tense

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Creator
  • 44 Followers
  • Follow