นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแล้วว่าแม่น้ำน้ำแข็งนั้นยังคงสามารถเคลื่อนที่ต่อไปอยู่เรื่อย ๆ แม้จะสังเกตไม่ได้ด้วยตาเปล่าในวันนี้ ตอนนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราสามารถวัดได้ว่ามันเกิดการเคลื่อนที่ น้ำแข็งที่ขั้วโลก หรือธารน้ำแข็ง (Glacier) ล้วนแต่เคลื่อนที่ทั้งสิ้น มันเป็นมากกว่าภูมิทัศน์อันสวยงาม ขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา มันเป็นมากกว่าแหล่งท่องเที่ยว และที่สำคัญคือ มันเป็นมากกว่าน้ำแข็ง
ธารน้ำแข็งเกิดจากการทับถมกันของเกล็ดน้ำแข็งที่ร่วงลงมาจากฟ้า นั่นคือหิมะ หิมะสะสมทับถมกันหนาแน่นจนหนากว่า 60 เมตร และแม้ว่ามันจะมีสถานะเป็นของแข็ง แต่มวลและน้ำหนักของมันรวมถึงคุณสมบัติพื้นฐานของน้ำ ทำให้มันเคลื่อนตัวตลอดเวลา มันเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ตามที่ลาดชัน จากที่สูงลงสู่ที่ต่ำกว่า แต่การเคลื่อนที่ของมวลน้ำแข็งที่มีความหนาหลายสิบเมตรทำให้เกิดการบีบอัด และกดลงบนพื้นที่อยู่ข้างใต้ ทำให้มันเกิดเป็นร่องลึกขึ้นและกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อย หลายพันล้านปี และเมื่อการเคลื่อนที่ของธารน้ำแข็งปะทะเข้ากับน้ำซึ่งแน่นอนว่าจะเกิดการละลาย ก้อนน้ำแข็งหรือแผ่นน้ำแข็งที่ปลายทางธารก็จะค่อย ๆ แตกตัวออกจากก้อนหรือแผ่นน้ำแข็งส่วนใหญ่ และล่องลอยไปในมหาสมุทรต่อไป
แม้พิจารณาโดยรวมแล้วอาจคิดว่า ธารน้ำแข็งเองก็ไม่ต่างจากแม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง แต่ธารน้ำแข็งนั้นเกิดขึ้นที่ขั้วโลกและยอดเขาสูงทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ส่วนแม่น้ำซึ่งกลายเป็นน้ำแข็งนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตามฤดูกาลในแต่ละปี และหายไปหรือละลายทั้งหมดเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลที่อุณหภูมิสูงขึ้น
ธารน้ำแข็งสามารถแบ่งตามตำแหน่งที่ตั้งได้สองชนิด คือ
1. ส่วนที่เกิดบริเวณเทือกเขาสูงทั่วโลก การเคลื่อนตัวและการไหลของธารน้ำแข็งเหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นต้นน้ำของสายน้ำหลักสำคัญ ๆ หลายสายของหลายพื้นที่ลุ่มในโลกนี้ เช่น ธารน้ำแข็งบริเวณเทือกเขาหิมาลัยที่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสำคัญหลายสายในชมพูทวีป ธารน้ำแข็งชนิดนี้เรียกว่า ธารน้ำแข็งหุบเขา (Valley glacier)
2. ส่วนที่เป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่บริเวณขั้วโลกและบริเวณใกล้เคียงอย่างกรีนแลนด์ เรียกว่า Ice sheet หรือ Continental glacier
แม้ว่าน้ำแข็งบนธารน้ำแข็งจะดูเหมือนไม่เคลื่อนที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไปยืนอยู่บนนั้นและพยายามสังเกตการเคลื่อนที่ แต่นักวิทยาศาสตร์และอุปกรณ์สมัยใหม่ได้ถูกนำมาใช้เพื่อตรวจวัดและพบว่า อันที่จริงแล้วธารน้ำแข็งสามารถไหลได้ไกล 2-3 เมตรต่อวันเท่านั้น
แม้ว่าธารน้ำแข็งจะเป็นเพียงก้อนน้ำที่อยู่ในสถานะของแข็ง ภายใต้อุณหภูมิต่ำ และมีการเคลื่อนที่เล็กน้อยมาก ๆ จนอาจพิจารณาได้ว่ามันแทบไม่เคลื่อนที่เลย ซึ่งก็น่าจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศโดยรอบได้น้อยมาก ทว่าปัญหาเรื่องโลกร้อนกลับส่งผลโดยตรงต่อการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกและธารน้ำแข็งที่มีอยู่ทั่วโลก และมันไม่เพียงจะทำให้น้ำแข็งละลายและปริมาณน้ำทะเลสูงขึ้นเท่านั้น แต่การที่เราเติมน้ำจืดปริมาณมากลงในทะเลทำให้ความเข้มข้นของทะเลลดลง และความเข้มข้นที่ลดลงเพียงเล็กน้อยกลับส่งผลมหาศาล ปริมาณแร่ธาตุในทะเลเจือจางลง อัตราส่วนของออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำก็เปลี่ยนไป การไหลเวียนของกระแสน้ำอุ่นและเย็นก็เปลี่ยนไป ทำให้สิ่งมีชีวิตต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้มีชีวิตต่อไปได้ สมมติว่าสิ่งมีชีวิตใช้เวลาหลายล้านปีในการวิวัฒนาการ แต่โลกนี้กลับร้อนขึ้นในเวลารวดเร็วเพียงไม่กี่ร้อยปี และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เองที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตอีกหลากหลายสายพันธุ์ต้องสูญพันธุ์ไป