ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา โลกของเราดูเหมือนจะหมุนไปเร็วกว่าเดิมมาก มีเทคโนโลยีเกิดขึ้นมากมาย ที่ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของเราแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ในหน้าประวัติศาสตร์ก่อนหน้านี้ เรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ๆ ที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตไม่มากนัก เช่น การเปลี่ยนจากการล่าสัตว์และเก็บเกี่ยวอาหารจากธรรมชาติมาเป็นการทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตครั้งใหญ่ของมนุษยชาติ ต่อด้วยการปฏิวัติอุตสาหกรรมซึ่งทำให้เกิดเครื่องจักรและโรงงาน มีการทำงานและผลิตผลผลิตออกมาในจำนวนมากเพื่อคนจำนวนมากขึ้น ซึ่งก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เทคโนโลยีเข้ามาปรับเปลี่ยนชีวิตเรา

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะคิดและมุ่งความสนใจไปที่เทคโนโลยีในการต่อสู้หรือฝืนความเป็นไปของธรรมชาติ จนคิดว่าเราอาจจะเอาชนะธรรมชาติด้วยวิธีการต่าง ๆ ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วเราพบว่าเทคโนโลยีและความก้าวหน้าต่าง ๆ ที่พวกเราภูมิใจ และใช้มันเพื่อก้าวข้ามธรรมชาติ กลับเป็นสิ่งที่เราได้รับแรงบันดาลใจหรือเลียนแบบธรรมชาติมาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสังเคราะห์แสงของพืชและเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นอาหารหรือพลังงานในรูปแบบอื่น ซึ่งก็เหมือนกับความพยายามของเราในการเก็บเกี่ยวพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์ผ่านการใช้โซลาร์เซลล์ (Solar Cell) ขณะที่เทคโนโลยีที่ถูกนำเข้ามาในระยะหลังเป็นเสมือนตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าไปอีก การใช้โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต ซึ่งเริ่มต้นจากอุปกรณ์สื่อสาร กระทั่งกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่กล้องถ่ายรูป อัลบั้มส่วนตัว ทีวี กระเป๋าสตางค์ สมุดบันทึก และแน่นอนว่าเราไม่ค่อยได้โทรศัพท์เพื่อฟังแค่เสียงอีกต่อไป

การแก้โจทย์ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยวิถีของธรรมชาติหรือการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (Natural Selection) เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พยายามทำความเข้าใจและทดลองทำตาม เพราะมันช่วยให้เราประหยัดเวลาไปได้มาก เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติได้ผ่านการปรับเปลี่ยนและคัดสรรมาแล้วหลายล้านปี เราไม่จำเป็นต้องคิดเอง แม้แต่เข็มฉีดยาหรือเข็มที่สามารถเจาะเข้าสู่เส้นเลือด เพื่อการถ่ายเลือดหรือนำส่งยาเข้าสู่ร่างกายของคุณโดยให้รู้สึกเจ็บปวดน้อยที่สุด ก็เกิดจากความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาและเลียนแบบการทำงานของเข็มที่มีอยู่ในธรรมชาติ โดยไม่นานนี้มนุษย์ประสบความสำเร็จจากการสังเกตยุงที่ดูเหมือนเป็นสัตว์ไร้ประโยชน์ สร้างความรำคาญ และยังเป็นพาหะของโรค มันทำให้นักวิทยาศาสตร์ทึ่งถึงความสามารถ เพราะมันสามารถกัดคนได้โดยที่คนไม่รู้สึกอะไร งานวิจัยเกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของปากเจาะของยุงจึงเกิดขึ้น และไม่นานนี้ก็ประสบความสำเร็จในการเลียนแบบยุง ทำให้เราได้เข็มที่่มีความสามารถในการเจาะทะลุเนื้อและเจ็บปวดน้อยลงกว่าเดิม แต่ไม่คันหลังเจาะเหมือนกับยุง

อีกสิ่งประดิษฐ์หนึ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวันก็ได้รับแรงบันดาลใจมากจากธรรมชาติโดยตรง ในปีค.ศ. 1941 วิศวกรชาวสวิสชื่อว่า George de Mestral ไปเดินป่าล่าสัตว์กับสุนัขคู่ใจของเขา และพบกับดอกหญ้าซึ่งติดตามเสื้อผ้าของเขารวมถึงขนสุนัขของเขา และนั่นคือจุดกำเนิดของการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่เราใช้จนถึงทุกวันนี้ George de Mestral นำเอาดอกหญ้าที่ติดตามตัวไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ และเห็นถึงโครงสร้างเหมือนตะขอเล็ก ๆ ที่แปลกและทำให้มันเป็นคุณสมบัติสุดพิเศษ จากจุดนั้นจึงทำให้เราได้มี Velcro หรือแถบกาวตีนตุ๊กแกใช้ในทุกวันนี้ แถบตีนตุ๊กแกด้านหนึ่งเป็นตะขอขนาดเล็กเหมือนที่ดอกหญ้ามี และอีกด้านหนึ่งเป็นใยที่มีโครงสร้างเป็นห่วงเหมือนกับเสื้อผ้าหรือขนสัตว์ ทำให้ตะขอขนาดเล็กสามารถเกี่ยวติดได้ คุณลักษณะพิเศษของดอกหญ้าที่ได้รับการพัฒนามาหลายล้านปีเพื่อใช้แพร่กระจายเมล็ดพันธุ์ โดยติดไปกับสัตว์ต่าง ๆ ที่สัมผัสหรือเดินผ่านมัน ทำให้เรามีตีนตุ๊กแกไว้ใช้กับเสื้อผ้ารวมถึงเครื่องใช้ต่าง ๆ ในทุกวันนี้

แม้แถบตีนตุ๊กแกจะเรียกว่าตีนตุ๊กแกแต่มันไม่ได้เลียนแบบโครงสร้างของตีนตุ๊กแกจริง ๆ เพราะสำหรับตีนตุ๊กแกจริง ๆ นั้น มีความสามารถพิเศษในการยึดเกาะพื้นผิวแทบทุกอย่าง ทำให้มันสามารถต้านทานแรงโน้มถ่วง รวมถึงวิ่งไปบนเพดานได้โดยไม่ตกลงมา ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งงานวิจัยสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนกำลังศึกษาและพยายามเลียนแบบเอกลักษณ์ทางด้านโครงสร้าง และพื้นผิวของตีนตุ๊กแกอาจจะทำให้เราสามารถขึ้นไปยืนตีลังกาบนเพดานเหมือนตุ๊กแกในอนาคตก็เป็นได้ ท้ายที่สุดแล้วจะบอกว่าเราก้าวข้ามธรรมชาติก็ไม่เต็มปาก เพราะหลายตัวอย่างของเทคโนโลยีและการค้นพบที่เราพยายามทำตาม หรือใช้อยู่ในทุกวันนี้ก็เกิดมาจากการเลียนแบบสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในธรรมชาติอยู่ดี