Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

อาหารที่ไม่ควรกินคู่กัน

Posted By sanomaru | 14 ธ.ค. 60
36,471 Views

  Favorite

อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ของการดำรงชีวิต และเราต้องรับประทานอาหารทุกวัน เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้ แต่อาหารบางประเภทก็ไม่เหมาะที่จะรับประทานด้วยกัน เนื่องจากพวกมันมีส่วนประกอบและคุณสมบัติที่แตกต่าง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อระบบการย่อย และส่งผลถึงระบบบางอย่างในร่างกายได้

 

1. กาแฟกับซีเรียล

กาแฟกับซีเรียลเป็นอาหารเช้าแบบอเมริกันสไตล์ ซึ่งคนไทยบางคนก็นิยมรับประทานเช่นกันด้วยความที่มันสะดวกและรวดเร็ว ซีเรียลเพียงอย่างเดียวนั้นอุดมไปด้วยโฟเลต สังกะสี วิตามินบี ใยอาหาร โดยเฉพาะธาตุเหล็ก จึงดีต่อร่างกาย เพราะธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง แต่การรับประทานซีเรียลควบคู่กับกาแฟ อาจจะทำให้ร่างกายไม่ได้รับธาตุเหล็กอย่างเต็มที่ เนื่องจากโพลีฟีนอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในกาแฟ จะไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กได้ นอกจากนี้ชาดำ ชาสมุนไพร ก็มีโพลีฟีนอลเช่นกัน การดื่มพวกมันพร้อม ๆ กับการรับประทานซีเรียล ให้ผลไม่ต่างไปจากกาแฟ โดยพวกมันอาจลดการดูดซึมธาตุเหล็กได้สูงถึง 94% เลยทีเดียว ขณะที่โกโก้จะลดการดูดซึมธาตุเหล็กได้ 71%

 

2. ซีเรียลหรือโอ๊ตมีลและนมกับน้ำส้ม

เป็นอีกครั้งที่ซีเรียลอาจถูกจับคู่ผิดฝาผิดตัว เพราะหากคุณรับประทานซีเรียลและนมกับน้ำส้ม 3 อย่างนี้ด้วยกัน กรดในน้ำส้มหรือกรดผลไม้จะทำลายเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยแป้งในซีเรียลได้ นอกจากนี้มันยังทำให้นมกลายเป็นของเหลวที่ข้นหนืด เนื่องจากในนมมีโปรตีนเคซีน (ซึ่งช่วยในการสร้างมวลกล้ามเนื้อ) ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับกรดในน้ำส้มหรือกรดผลไม้นั่นเอง ดังนั้น หากต้องการให้อาหารเช้ามื้อนี้ดีต่อสุขภาพ ก็ควรรับประทานน้ำส้มหรือน้ำผลไม้ก่อนรับประทานซีเรียลกับนมสัก 30 นาที

 

3. ผลไม้กับอาหารแต่ละมื้อ

ผลไม้เป็นอาหารที่เต็มไปด้วยเกลือแร่และวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเรา มันทำให้เรารู้สึกสดชื่น แต่เมื่อใดก็ตามที่รับประทานผลไม้ร่วมกับอาหารอื่นที่ย่อยยากหรือใช้เวลาในการย่อยนาน เช่น เนื้อสัตว์ ธัญพืช ไขมัน หรือผลไม้ที่มีน้ำน้อยอย่างกล้วยหอมหรือผลไม้อบแห้ง ผลไม้ที่ผ่านระบบย่อยไปแล้วกลับไม่ดีต่อร่างกายนัก เพราะผลไม้ที่ถูกย่อยได้ง่ายและควรจะเดินทางผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ได้อย่างรวดเร็ว กลับถูกขวางกั้นโดยอาหารที่ย่อยยาก ซึ่งทำให้เกิดการหมักหมมในระบบย่อยอาหารตามมา ทางเลือกที่ดีกว่าคือ เราควรรับประทานผลไม้ก่อนมื้ออาหาร (เป็นเวลาที่ท้องว่าง) สัก 30-60 นาที หรือหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมง

 

4. ยาที่เกี่ยวข้องกับโรคความดันกับอาหารที่มีธาตุโพแทสเซียมสูง

ครึ่งหนึ่งของผู้สูงอายุมักมีภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งส่วนใหญ่จะปรึกษาแพทย์และได้ยาควบคุมความดันโลหิตมารับประทาน ยาที่เกี่ยวข้องบางประเภทสามารถเพิ่มระดับของโพแทสเซียมในร่างกายได้ การที่ระดับโพแทสเซียมสูงนี้อาจเป็นสาเหตุของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและนำไปสู่โรคหัวใจที่ร้ายแรงกว่าได้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้ระดับของโพแทสเซียมในร่างกายสูงเกินไป ผู้ที่รับประทานยาที่เกี่ยวข้องกับโรคความดันจึงควรระมัดระวังในการรับประทานอาหารที่มีธาตุโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วยหอม ผักโขม ผักใบเขียวต่าง ๆ รวมถึงมันฝรั่งหวาน และเกลือโพแทสเซียมด้วย

 

5. โปรตีนจากเนื้อสัตว์กับแป้ง

โปรตีนจากเนื้อสัตว์กับแป้งที่ไม่ควรรับประทานคู่กันในที่นี้ เช่น เนื้อกับมันฝรั่ง ไก่กับพาสต้า หรือไก่งวงกับแซนวิช สังเกตได้ว่าแป้งในที่นี้ จะหมายถึง แป้งจากมันฝรั่ง หรือขนมปัง ซึ่งหากรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ร่วมกับแป้งที่มีการย่อยและระยะเวลาในการย่อยแตกต่างกัน จะทำให้คาร์โบไฮเดรตถูกหมักหมมอยู่ในระบบย่อย ขณะที่โปรตีนจะเน่าอยู่ในนั้น ส่งผลให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร และหากมันเกิดขึ้นบ่อยครั้งเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็อาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ ตามมาได้ แต่หากจะรับประทานโปรตีนจากสัตว์และแป้งร่วมกัน คุณอาจเพิ่มผักใบเขียวเข้าไปในส่วนประกอบของอาหารด้วย เพื่อลดผลในทางลบที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นับเป็นโชคดีที่อาหารหลักของคนไทยอย่างข้าวซึ่งนับเป็นอาหารดั้งเดิมนั้นเหมาะกับร่างกายและระบบย่อยของคนเรามากกว่า (เนื่องจากมีเส้นใยที่ต่างกัน) ดังนั้น แม้จะรับประทานข้าวร่วมกับถั่วก็ไม่ทำให้เกิดความผิดปกติต่อร่างกายแต่อย่างใด

 

6. กล้วยหอมกับนม

คนจำนวนมากนิยมที่จะรับประทาน banana milkshake หรือกล้วยหอมที่ปั่นกับนม แต่ในทางอายุรเวช กล้วยหอมกับนมเป็นอีกหนึ่งรายการที่ไม่ควรรับประทานร่วมกัน เพราะมันเป็นอาหารที่ย่อยยากทั้งคู่ การรับประทานกล้วยหอมและนมคู่กันจึงเป็นภาระหนักของระบบย่อยอาหารเลยทีเดียว แต่ก็มีตัวช่วยอย่างอบเชย (Cinnamon) หรือจันทน์เทศ ซึ่งสามารถนำไปผสมกับ banana milkshake เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น

แม้ว่าการระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารให้ถูกคู่จะทำให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว แต่การรับประทานอาหารให้ถูกหลัก ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและเพียงพอ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ทั้งยังควรออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายได้ใช้พลังงานส่วนเกิน สร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นด้วย

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • sanomaru
  • 17 Followers
  • Follow