คำศัพท์อยู่รอบตัวเรา นอกจากการเปิดดิกชันนารี เราสามารถเจอคำศัพท์ใหม่ ๆ ได้จากการพูดคุยภาษาอังกฤษ ดูหนัง ฟังเพลง อ่านข่าวที่เป็นภาษาอังกฤษ เมื่อเจอคำที่ไม่รู้จักให้จดไว้ในสมุดพกพาน่ารัก ๆ สักเล่ม หรือจะเซฟไว้ในโน้ตบุ๊ก ipad หรือในโทรศัพท์มือถือก็ได้ เพื่อสามารถหยิบออกมาอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา หลังจากจดคำศัพท์ที่ไม่รู้จักเหล่านั้นแล้ว ก็ไปหาความหมายและที่สำคัญอย่าลืมเขียนกำกับไว้ด้วยว่าคำนั้นทำหน้าที่อะไร เช่น verb, noun หรือ adjective
นอกจากนี้ให้เขียนข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับข้องศัพท์นั้น และประโยคตัวอย่างที่ใช้คำนั้นด้วยจะยิ่งดี เช่น เราเจอคำว่า teach ให้จดในลิตส์คำศัพท์ดังนี้
teach (v) สอน
teacher (n) ผู้สอน (ครู)
teaching (n) การสอน หรือเป็น adj. หมายถึง ที่ใช้ในการสอน, ที่เป็นผู้สอน
ตัวอย่างประโยค : I teach English at a high school. (ฉันสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนมัธยมปลาย)
คำศัพท์ใหม่ ๆ จดไว้แต่ไม่นำไปใช้ก็จะลืมกันได้ง่าย ๆ น่ะสิ จำไว้เลยนะว่า ยิ่งใช้คำไหนเราก็จะจดจำมันได้ดียิ่งขึ้น หยิบลิตส์คำศัพท์ใหม่ขึ้นมาอ่านทุกสุดสัปดาห์ และลองใช้คำใหม่ ๆ เหล่านั้นในระหว่างสัปดาห์ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วบันทึกผลการใช้เอาไว้สักระยะ จากนั้นให้ย้อนกลับมาอ่านลิตส์เก่า ๆ อีก ถ้าหากลืมคำศัพท์จากในลิตส์เก่า เราก็จดคำนั้นลงในลิตส์ใหม่อีกสิ ให้รู้กันไปว่าจะจำไม่ได้!!
การเล่นเกม เป็นหนึ่งวิธีที่ดีในการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ เช่น Scrabble, Crossword หรือจะดาวน์โหลดแอพพลิเคชันเกมเกี่ยวกับคำศัพท์มาเล่นสักสองสามแอพก็ยิ่งดี เช่น เกม Vocabador เพราะจะทำให้สนุกสนานไม่น่าเบื่อและยังช่วยให้เรามีบริบทสำหรับคำศัพท์ใหม่ ๆ ด้วย โดยเราจะได้เรียนรู้ความหมายพิเศษ ๆ ของคำ และอาจจะได้จดจำคำที่ใช้ในระหว่างเล่นเกมด้วยก็ได้
การเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ จะดีและง่ายขึ้นได้ด้วยการให้บริบทพวกมัน วิธีหนึ่งก็คือการจำคำในประโยค เพราะเราจะไม่ได้แค่รู้คำศัพท์เท่านั้น แต่จะได้รู้จักวิธีการใช้ในการสนทนาด้วย
อีกวิธีหนึ่งคือการจำคำเป็นกรุ๊ป เช่น ถ้าเราเพิ่งได้เรียนคำว่า ‘appealing’ (สวย มีเสน่ห์) เราสามารถจำคำนี้รวมกลุ่มกับคำว่า beautiful, charming, gorgeous, lovely, attractive ได้ ซึ่งเป็นการเรียนรู้คำศัพท์ได้มากขึ้นในเวลาเดียวกันอีกด้วย
เปลี่ยนจากหาความหมายของคำด้วยเว็บไซต์อังกฤษ-ไทย มาเป็นเป็นอังกฤษ-อังกฤษ ดูสิ เราจะได้พบแหล่งข้อมูลที่ช่วยในการเรียนรู้คำใหม่ ๆ มากมาย นอกจากความหมาย ยังได้ฝึกแปล มีประโยคตัวอย่าง และได้คำศัพท์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นด้วย
คนที่เขียนบล็อกอยู่แล้วลองเปลี่ยนมาเริ่มเขียนเป็นภาษาอังกฤษดู ส่วนคนที่ยังไม่มีบล็อก สามารถสร้างบล็อกในเว็บบล็อกฟรีได้มากมาย เช่น WordPress, Blogger หรือในเว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาก็สามารถสร้างบล็อกได้ แล้วลองเขียนเรื่องราวบันทึกประจำวัน เรื่องแฟชั่น น้องหมา น้องแมว หรือเรื่องที่เราสนใจเป็นภาษาอังกฤษสิ ขณะที่เราเขียนบล็อกอาจต้องค้นหาคำศัพท์ในดิกชันนารี นั่นจะทำให้เราเริ่มจำคำได้อย่างมากกมาย อีกทั้งยังได้เรียนรู้การใช้คำเหล่านั้นในการเขียนด้วย
นอกจากนี้เรายังนำคำศัพท์ที่จดลิตส์ไว้ในข้อ 1 มาใช้ในการเขียนบล็อกได้ด้วย แล้วอย่าลืมแชร์บล็อกของเราไปยังเพื่อน ๆ และเพื่อนที่เป็นเจ้าของภาษาเพื่อขอความเห็นจากพวกเขาว่าเราใช้คำได้อย่างถูกต้องหรือไม่
รากศัพท์ คือ คำที่มีความหมายในตัวเองที่นำไปเป็นส่วนประกอบในการสร้างคำใหม่ เช่น dictionary มาจากรากศัพท์คำว่า dictio ในภาษาลาติน หมายถึง “พูด” และยังสร้างเป็นคำอื่น ๆ ได้อีกเช่น dictate, dictator และ contradict นอกจากนี้ยังมีส่วนของคำอีกมากทั้ง prefixes และ suffixes ที่ยิ่งรู้มากยิ่งเข้าใจยิ่งได้ศัพท์เยอะ
การอ่านคือวิธีที่ดีในการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ และสิ่งที่อ่านยังสร้างความแตกต่างในการเรียนรู้ได้อีกมากทีเดียว เพียงเลือกหนังสือที่ท้าทายความสามารถเราสักนิด แล้วเราจะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการอ่าน เช่น ลองอ่านนวนิยายหลากหลายแนวทั้ง สืบสวนสอบสวน ไซไฟ โรแมนติก ซึ่งแต่ละเรื่องแต่ละเล่มประกอบไปด้วยคำศัพท์ใหม่ ๆ เป็นพัน ๆ คำเลยล่ะ
ภาษาอังกฤษที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกมีความแตกต่างกันอยู่มาก อย่างภาษาอังกฤษแบบบริติชและภาษาอังกฤษแบบอเมริกันที่อาจดูเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่มากทีเดียว นอกจากเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ แล้ว ต้องวางแผนด้วยว่าจะเรียนภาษาอังกฤษแบบไหน ถ้าเราจะไปอังกฤษ ก็ควรเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบบริติช (British English) แต่ถ้าจะไปอเมริกา ก็ควรเรียนภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน (American English)
ภาษาอังกฤษแบบบริติชกับภาษาอังกฤษแบบอเมริกันบางครั้ง เขียนเหมือนกัน อ่านเหมือนกัน แต่ความหมายต่างกัน บางครั้งสะกดไม่เหมือนกัน สามารถติดตามอ่านความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษแบบบริติชและภาษาอังกฤษแบบอเมริกันได้ดังนี้
รู้หรือไม่? British vs American เรียกชื่ออาหารไม่เหมือนกัน
ระวังเอ๋อ เมื่อเจอฝรั่ง! British กับ American เขาแปลไม่เหมือนกัน
การสะกดคำที่แตกต่างกันของภาษาอังกฤษแบบ British vs American
16 คำสแลงแบบบริติชที่คนเรียนอังกฤษจำเป็นต้องรู้
20 คำสแลงแบบอเมริกันที่คนเรียนภาษาอังกฤษต้องรู้!
นอกจากภาษาอังกฤษแบบบริติชและแบบอเมริกันแล้ว ยังมี ภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลียน ภาษาอังกฤษแบบแคนาดา ที่เรียนรู้ไว้ยิ่งได้ประโยชน์
เรียนคนเดียวมันเหงา ชวนเพื่อนฝูงมาเรียนด้วยกันสนุกกว่า แล้วลองหาเพื่อนใหม่ออนไลน์ที่เป็นเจ้าของภาษาไว้พูดคุยฝึกฝนภาษาอังกฤษก็ยิ่งดี หรือใช้เฟซบุ๊กให้ได้ประโยชน์ สร้างกรุ๊ปรวมพลคนรักภาษาอังกฤษเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันเป็นภาษาอังกฤษก็ยังได้
เมื่อได้รู้จักคำศัพท์ใหม่ ๆ มากมาย แล้วเราจำคำเหล่านั้นได้มากน้อยแค่ไหน ต้องลองทดสอบกันหน่อยเพื่อให้แน่ใจว่าเรายังจำคำศัพท์แต่ละคำเหล่านั้นได้ ซึ่งมีเว็บไซต์ภาษาอังกฤษที่มีแบบทดสอบคำศัพท์มากมายให้เราใช้ทดสอบความรู้ของตัวเองได้
ถ้ามีคนใช้คำที่เราไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ ให้ถามเลยว่ามันหมายความว่าอย่างไร อย่ากลัวที่จะถาม! บอกเขาไปว่าเรากำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ เชื่อเถอะว่าทุกคนยินดีตอบ