เมื่อประมาณสองพันล้านปีล่วงมาแล้ว ได้มีพืช ชนิดแรกอุบัติขึ้นในโลก พืชชนิดนี้เชื่อกันว่า เป็นอินทรีย์ ที่มีขนาดเล็กมาก และมีชีวิตอยู่ในท้องทะเลเท่านั้น ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน พืชดังกล่าวก็ได้วิวัฒนาการ มาเป็นพืชที่มีรูปร่างต่างๆ กัน แต่พืชบกยังมิได้ถือกำเนิดขึ้นแต่ประการใดเลย ดูเหมือนเป็นเวลาถึง ๑,๔๐๐ ล้านปี ที่สาหร่ายทะเลสีน้ำเงินแกมเขียว (blue green algae) สามารถตั้งตัวขึ้นได้ในน้ำส่วนหนึ่ง และบนบกอีกส่วนหนึ่ง จากพืชดังกล่าวข้างต้นนี้ พืชบกจึงได้ถือกำเนิด และวิวัฒนาการต่อมา
อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลาของการวิวัฒนาการนี้ พืชหลายชนิดได้สาบสูญไป พืชที่คงอยู่ก็ขยายจำนวน และมีรูปร่างสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น ในปัจจุบันประมาณว่า มีพืชที่มีชีวิตอยู่ในโลกประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ ชนิด สำหรับรายละเอียดว่า พืชชนิดใด กำเนิดขึ้นในยุคใดนั้น ตามหลักฐานทางธรณีวิทยาปรากฏว่า ในยุคพรีแคมเบรียน (Pre-Cambrian) คือ เมื่อ ๑,๒๐๐ - ๒,๐๐๐ ล้านปี ล่วงมาแล้ว มีพืชทะเลดึกดำบรรพ์ในรูปของแอลจี (algae) อันเป็นจุลินทรีย์ ที่มีเซลล์เดียว และเป็นต้นตระกูลของสาหร่ายทะเลได้ถือกำเนิดขึ้นมา
ต่อมาในยุคเดวอเนียน (Devonian) หรือ ๓๕๐ ล้านปีล่วงมาแล้ว มีพืชบกดึกดำบรรพ์กำเนิดขึ้น ถัดจากนั้นก็ถึงยุคคาร์บอนิเฟอรัส (Carbonifer us) หรือ ๓๐๐ ล้านปี จัดเป็นยุคที่ถ่านหินได้กำเนิดขึ้นจากซากพืช ที่ทับถมกันอยู่ พรรณไม้จำพวกเฟิร์น หรือผักกูด และพรรณไม้สนสมัยบรรพกาล ได้ถือกำเนิดขึ้น ต่อมาก็ถึงยุคเพอร์เมียน (Permian) หรือ ๒๑๕ ล้านปีล่วงมาแล้ว บรรดาพืชที่เกิดขึ้นในยุคคาร์บอนิเฟอรัสได้ล้มตาย และสาบสูญลงบ้าง เมื่อถึงยุคทริแอสสิก (Triassic) หรือ ๑๙๐ ล้านปี ล่วงมาแล้ว พรรณไม้จำพวกปรงจึงถือกำเนิดขึ้น ต่อเมื่อถึงยุคจูราสสิก (Jurassic) หรือ ๑๕๕ ล้านปีล่วงมา แล้วจึงมีพรรณไม้ตระกูลสนเจริญเติบโตขึ้นอย่างมากมาย ส่วนพรรณไม้ที่มีดอกสีสันต่างๆ ได้มีขึ้น ในยุคครีเตเชียส (Cretaceous) หรือ ๑๒๐ ล้านปีล่วงมาแล้ว
พรรณไม้สมัยปัจจุบัน ได้วิวัฒนาการขึ้นมาเมื่อยุคพลิโอซีน (Pliocene) คือ เมื่อ ๑๒ ล้านปีมานี้เอง ป่าไม้ในปัจจุบันอันประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด ที่ได้วิวัฒนาการมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน กล่าวคือ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็เจริญเติบโตขึ้น แล้วก็เสื่อมลง และสูญพันธุ์ไป มีพรรณไม้ชนิดใหม่เกิดขึ้นแทน และเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพ ของดินฟ้าอากาศ อย่างไรก็ดี พรรณไม้ที่มีความสำคัญในทางเศรษฐกิจของโลก ในปัจจุบันจำแนกออกได้เป็น ๒ พวก พวกหนึ่งคือ ไม้ใบแคบ เรียวแหลม มีลักษณะเหมือนเข็ม คือ ไม้จำพวกสน เขา และอีกพวกหนึ่งที่มีใบกว้าง เช่น ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้ทั้งสองจำพวกนี้ ได้เจริญสืบเนื่องต่อมา จนตราบเท่าทุกวันนี้