(Blue Light) แสงสีน้ำเงินนำมาใช้ในอุปกรณ์ดิจิทัลเพื่อเพิ่มความสว่างและความชัดของหน้าจอ เป็นสีที่ให้ความสว่างมากที่สุด ขณะเดียวกันก็ทำให้ดวงตาเป็นอันตรายได้มากที่สุดด้วย การใช้งานติดต่อกันนานๆ ทำให้ส่งผลกระทบต่อดวงตาโดยตรง เสี่ยงต่อการเป้นโรคต่างๆดังนี้
จอประสาทตาเสื่อม การวิจัยทางการแพทย์เผยว่าแสงสีน้ำเงินสามารถแทรกผ่านสารสีที่พบในตาและเป็นอันตรายต่อดวงตาบริเวณเซลล์ที่ศูนย์กลางเรตินา โดยจะเข้าไปลดความเข้มข้นของสารสี เกิดเป็นปัจจัยเสี่ยงให้จอประสาทตาเสื่อมเมื่อมีอายุมากขึ้น ที่สำคัญโรคนี้อันตรายถึงขั้นตาบอดได้เลย
ตาขี้เกียจ คือ ภาวะที่ตานั้นไม่ได้ใช้งานนานๆ มันจะหยุดการทำงานแค่นั้น เช่น ถ้ามีตาข้างหนึ่งดี อีกข้างมีสายตาสั้นมากๆ ร่างกายจะใช้ตาข้างที่ดี แล้วไม่ใช้ตาข้างสายตาสั้นมากๆ ผู้ปกครองท่านใด ที่เลี้ยงลูกด้วย มือถือ หรือ แทบเล็ตควรจะป้องกันไว้ ตั้งแต่เนิ่นๆ ค่ะ
ดวงตาล้า ดวงตาของคนเราต้องทำงานหนักจากการเพ่งมองภาพจากมือถือที่ประกอบขึ้นมาจากพิกเซลเล็กๆ ที่สั่นไหวอยู่ตลอดทุกวินาที ส่งผลให้ระบบสายตาทำงานลำบากและโฟกัสภาพบนจอได้ยาก ความคมชัดของภาพจึงลดลงและทำให้ตาอ่อนล้า นอกจากนี้อาจตามมาด้วยอาการปวดไหล่ ปวดหัว ระคายเคืองที่ตา เจ็บตา ตาพร่าหรือเห็นภาพซ้อน ตาอ่อนไหวต่อแสงแดด น้ำตาไหล ตาแห้ง และมองภาพไม่ชัดเจนได้ด้วย
นาฬิกาชีวิตผิด การเล่นโทรศัพท์มือถือ 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน จะส่งผลกระทบต่อการตื่นและการนอนได้มาก อาจทำให้ต้องเผชิญภาวะนอนไม่หลับ และเกิดอาการเหนื่อยล้าในเช้าวันถัดไป
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเราแทบทุกด้าน การถนอมสายตาจากแสงสีฟ้าที่หน้าจอมือถือ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยนะคะ ทำได้โดยการ ดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา แลรับประทานอาหารมีประโยชน์ ต่อดวงตา อาทิ ส้ม ฝรั่ง ฟักทอง มะละกอ เป็นต้นสุดท้ายคือ ตรวจเช็คดวงตา อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งนะคะ