เนื้อเพลงหมอกหรือควัน ร้องไว้ว่า
เมื่อฟังบ่อย ๆ ก็ทำให้เชื่อไปเองได้ว่า ควันนั้นมีพิษ ขณะที่หมอกนั้นปลอดภัย แต่มีข้อมูลเชิงลึกในทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถอธิบายได้มากกว่านั้น แม้ว่าดูผิวเผินแล้วหมอกและควันอาจจะคล้ายกัน คือมีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนลอยอยู่ในอากาศในระดับต่ำที่เราสามารถสัมผัสได้ แต่มันมีความต่างกันอย่างมากทั้งในแง่ของน้ำหนัก ส่วนประกอบ และคุณสมบัติ
ควันหรือ smoke เป็นคอลลอยด์ (สารผสมที่ดูเหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน) ประเภทหนึ่งที่ลอยอยู่ในอากาศ เกิดจากอนุภาคที่มีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบ อาจจะเป็นของแข็ง ของเหลว หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่าง รวมถึงก๊าซด้วย โดยอนุภาคมีขนาดเล็กแต่ยังมองเห็นได้ ซึ่งปกติแล้วหากพูดถึงควันไฟ เราก็จะนึกถึงควันไฟที่เกิดจากการเผาไหม้
ควันที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ หมายถึงก๊าซออกซิเจนไม่เพียงพอในการเผาไหม้ จะทำให้มีสารอื่น ๆ ตกค้างเกิดเป็นควันล่องลอยออกมา เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ซึ่งเป็นไปตามสมการเคมี ดังนี้
C3H8 + 4O2 ======> 4H2O + CO2 + 2CO
ในขณะที่การเผาไหม้ที่สมบูรณ์จะทำให้เกิดเพียงน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น ดังสมการต่อไปนี้
C3H8 + 5O2 ======> CO2 + 4H2O
แม้ว่าเราจะมองเห็นควัน แต่เป็นเพราะอนุภาคทั้งหมดอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หากมันมีการเจือจางของอากาศมากขึ้นหรือถูกลมพัด ควันก็จะกระจายตัวและมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น อนุภาคที่ก่อให้เกิดควันมักเป็นพิษต่อร่างกาย เนื่องจากเป็นส่วนประกอบที่หลงเหลือจากการเผาไหม้ การสูดหายใจเอาควันเข้าสู่ร่างกายเป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิตของเหยื่อที่ติดอยู่ในเหตุเพลิงไหม้ถึงกว่า 75% เมื่อเทียบกับการเสียชีวิตเนื่องจากไฟคลอก นอกจากนั้นควันยังอาจจะทำให้เกิดการอุดตันในถุงลมในปอดได้อีกด้วย
ส่วนหมอกหรือ Fog เกิดจากละอองน้ำขนาดเล็ก หรืออาจจะเป็นของเหลวที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศระดับต่ำจนถึงพื้นผิวดิน มันมีความละเอียดกว่าฝนจึงทำให้มันชื้นแต่ไม่รวมตัวเป็นหยดน้ำและตกลงมาเป็นฝน นอกจากความเปียกชื้นซึ่งอาจจะสัมผัสได้จากหมอก มันยังบดบังทัศนวิสัย ทำให้มองเห็นได้ยากโดยเฉพาะการคมนาคมต่าง ๆ โดยปกติแล้วหมอกเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จากความชื้นที่ลอยขึ้นจากผิวดินขึ้นไปปะทะกับความเย็น เรามักจะเห็นหมอกบริเวณป่าฝน ป่าดิบชื้น หรือเทือกเขาสูง แต่ในปัจจุบันนี้เรายังสามารถพบเห็นหมอกได้ในเขตอุตสาหกรรม มันไม่ใช่หมอกที่เกิดขึ้นจากน้ำและความเย็น แต่เป็นมลพิษที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงานต่าง ๆ เราสามารถจัดหมวดหมู่ของหมอกจากความชื้นสัมพันธ์ของอากาศ โดยหมอกแต่ละชนิดมีความชื้นต่างกันและเกิดจากกระบวนการที่ต่างกัน แต่สิ่งที่เราควรระวังจากหมอกอาจจะไม่ใช่เพียงการบดบังทัศนวิสัยหรือความชื้นซึ่งอาจจะเกาะกับร่างกาย สิ่งของ หรือสิ่งปลูกสร้าง แต่เป็นสิ่งที่เจือปนอยู่ในอนุภาคน้ำในหมอกนั้น
สถานที่ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องหมอกที่สุดในโลกเห็นจะเป็นเกาะขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศที่มีชื่อเสียงและอำนาจประเทศหนึ่ง มันคือเกาะอังกฤษ เมืองลอนดอนซึ่งเป็นเมืองหลวงนั้นปกคลุมไปด้วยเมฆ หมอก และฝน เกือบทั้งปีไม่ว่าจะอยู่ในฤดูใดก็ตามเนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ และเมื่อความเจริญเกิดขึ้น การปฏิวัติอุตสาหกรรมเองก็ทำให้หมอกที่ปกคลุมลอนดอนเองไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
หมอก (fog) รวมกับควัน (smoke) กลายเป็น smog ศัพท์บัญญัติใหม่ที่เรียกหมอกพิษนี้ มันถูกเรียกครั้งแรกเริ่มในช่วงปี 1900 เมื่อหมอกและควันรวมกันปกคลุมลอนดอนทั้งเมือง มันมีสารประกอบและสารพิษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสารพิษอินทรีย์ ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ รวมถึงควันจากรถยนต์ ควันจากโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่สิ่งที่ทำให้มันน่ากลัวคือ เมื่อลมไม่มีและอากาศอุ่นลอยต่ำ หมอกพิษเหล่านี้จะไม่ถูกพัดหายไปไหน แต่กลับติดและปกคลุมเมืองเอาไว้ ที่น่าขันคือ หมอกพิษมักไม่ได้เกิดขึ้นบริเวณแหล่งปล่อยสารพิษ ปรากฏการณ์การจับตัวของหมอกและควันพิษมักเกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศ ซึ่งควันพิษถูกพัดมาจากแหล่งกำเนิดหรือเขตอุตสาหกรรมหนัก