ผิวหนังปกคลุมห่อหุ้มร่างกายทั้งหมดซึ่งภายในมีปลายประสาทรับความรู้สึกมากมายเพื่อรับรู้การสัมผัส การกด ความเจ็บและอุณหภูมิร้อนเย็นระบบผิวหนังมีหน้าที่สำคัญในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและยังมีหน้าที่เป็นอวัยวะขับเหงื่อ และไขมันด้วย
ผิวหนังยืดหยุ่นได้มากบนผิวของหนังมีรูเล็ก ๆ อยู่ทั่วไปรูเล็ก ๆ นี้เป็นรูเปิดของขุมขนท่อของต่อมไขมันและต่อมเหงื่อผิวหนังที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า มีรอยนูนเป็นสันจำนวนมากโดยเฉพาะที่ปลายนิ้วมือทั้งห้ามีสันนูนเรียงกันเป็นร้อยหวายหรือก้นหอยจึงใช้รอยพิมพ์ปลายนิ้วมือเป็นประโยชน์ในการแยกหรือทำนายบุคคลได้โดยการพิมพ์ลายนิ้วมือเนื่องจาก รายละเอียดในการเรียงตัวของรอยนูนนี้แตกต่างกันในแต่ละบุคคล
บริเวณผิวหนังที่มีกล้ามเนื้อเกาะอยู่ผิวหนังจะเกิดเป็นรอยย่นได้เมื่อกล้ามเนื้อนี้หดตัวตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือบริเวณใบหน้ามีกล้ามเนื้อมายึดติดที่หนังมากจึงทำให้เกิดรอยย่น ซึ่งแสดงอารมณ์โกรธ กลัว ยิ้มแย้มแจ่มใสหรือเศร้าหมองได้
ส่วนใหญ่ของร่างกายผิวหนังจะเลื่อนไปเลื่อนมาได้แต่บางแห่งก็ติดแน่นกับอวัยวะภายใต้ เช่น หนังศีรษะด้านนอกของใบหู ฝ่ามือและฝ่าเท้าและตามรอยพับของข้อต่อต่าง ๆ
ผิวหนัง
๑. ชื้น
๒. ชั้น
คลุม
ประกอบ
หนัง
สีของผิวหนังเกิดจากจำนวนเม็ดสีเมลานิน (melanin) ซึ่งอยู่ในเซลล์ชั้นลึกของหนังกำพร้าถ้าเม็ดสีเมลานินมีมากก็มีผิวดำ ถ้าเม็ดสีเมลานินมีน้อยก็มีผิวขาว ในที่บางแห่งผิวหนังมีสีจัดขึ้น เช่น ที่บริเวณหัวนม ลานหัวนม รอบ ๆ ทวารหนักและผิวหนังที่ถูกแสงแดดอยู่เสมอสีของผิวหนังจึงอาจใช้แบ่งแยกเชื้อชาติได้ เช่น พวกนิโกร มีเม็ดสีเมลานินมากตลอดความหนาของหนังกำพร้าผิวจึงดำมากพวกยุโรปมีเม็ดสีเมลานินน้อยผิวจึงขาวและพวกเอเชียมีเม็ดสีเมลานินปานกลางผิวจึงเหลืองโดยเฉพาะพวกสืบเชื้อสายชาวมองโกเลียผิวหนังรอบ ๆ ทวารหนักจะมีสีดำหรือเขียวมากกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
สีของผิวหนังนอกจากจะเกิดจากเม็ดสีเมลานินแล้วยังเกิดจากสีของเลือดในหนังแท้ด้วยซึ่งทำให้ผิวมีสีชมพูจัดในคนที่มีเลือดสมบูรณ์ดีและทำให้ผิวซีดในคนที่เป็นโรคโลหิตจางนอกจากนั้นยังขึ้นกับความหนาของผิวหนังด้วยจะเห็นได้ในเด็กทารกมีผิวหนังบางจึงมีผิวสีชมพู
ในการที่ผิวหนังห่อหุ้มร่างกายไว้ทั้งหมดจึงมีหน้าที่
๑. ช่วยป้องกันอวัยวะที่อยู่ลึกทั่วไปจากอันตรายและการแทรกซึมของเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ
๒. ป้องกันไม่ให้น้ำภายนอกซึมเข้าไปในร่างกายและป้องกันมิให้น้ำในร่างกายระเหยออกไป
๓. ผิวหนังจะหนาตัวขึ้นเมื่อผิวหนังส่วนนั้นถูไถกับสิ่งอื่นบ่อย ๆ
ขณะเดียวกันผิวหนังยังเป็นอวัยวะด้วยซึ่งมีหน้าที่
๑. รับความรู้สึกต่าง ๆ อย่างกว้างขวางโดยที่มีปลายประสาทรับความรู้สึกหลายชนิดและจำนวนมาก เช่น เจ็บ สัมผัส กดและร้อนเย็น
๒. ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายโดยระบายความร้อนออกจากร่างกายผ่านทางผิวหนัง
๓. ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายโดยต่อมเหงื่อขับเหงื่อจึงทำหน้าที่ช่วยไตขับถ่ายของเสียจากร่างกายซึ่งเห็นชัดในหน้าร้อนจะมีเหงื่อออกมาก
๔. เป็นแหล่งสร้างวิตามินดีซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาของแสงอัลตราไวโอเลตของแสงอาทิตย์ต่อสเตอรอล (sterol) ในผิวหน้าป้องกันโรคกระดูกอ่อน
ผิวหนังทั้งหมดที่ห่อหุ้มร่างกายผู้ใหญ่มีเนื้อที่ ประมาณ ๑.๗ ตารางเมตร
การเจริญเปลี่ยนแปลงของผิวหนังเพื่อเป็นอวัยวะป้องกันอันตรายนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงให้มากมายในสัตว์ต่าง ๆ เช่น ในจระเข้ ผิวหนังเปลี่ยนเป็นแผ่นหนาในคางคก เจริญเป็นต่อมพิษในปลาเปลี่ยนเป็นเกล็ดและต่อมเมือก
• เล็บ
เจริญมาจากหนังกำพร้าเป็นแผ่นแข็งยืดหยุ่นได้อยู่ทางด้านหลังของปลายนิ้วมือและนิ้วเท้าปล้องสุดท้าย
เล็บมีลักษณะโปร่งแสงมีส่วนที่ยื่นพ้นปลายนิ้วซึ่งไม่มีหลอดเลือดและประสาทมาเลี้ยงซึ่งเป็นส่วนที่เราตัดออกและตกแต่งให้สวยงามได้
ส่วนของเล็บที่ฝังอยู่ในหนังเรียกว่ารากเล็บและสองข้างของเล็บมีผิวหนังยื่นมาคลุมเล็กน้อย
ทางด้านลึกของเล็บมีปลายประสาทรับความรู้สึกมากมายดังนั้นเมื่อเป็นฝีมีดบาดหรือหนามตำใต้เล็บจึงเจ็บปวดมากและมีหลอดเลือดมาเลี้ยงมากสีของเลือดจึงสะท้อนผ่านเล็บทำให้เล็บมีสีชมพูในคนปกติในขณะเป็นโรคโลหิตจางจะมีสีซีดขาว
การงอกของเล็บเฉลี่ยประมาณ ๑ มิลลิเมตร ใน ๑ สัปดาห์ หรือ ๓ มิลลิเมตร ใน ๑ เดือน เล็บเท้างอกช้ากว่าเล็บมือเมื่อเล็บถูกดึงหลุดไปจะมีเล็บใหม่งอกขึ้นมาได้
• ขนหรือผม
ขนหรือผมเจริญมาจากหนังกำพร้าชั้นลึก
ขน
ขน
ขน
ขน
เส้น
ราก
ขุม
ขนงอกยาวขึ้นเรื่อย ๆ จนยาวเต็มที่ตามชนิดและตำแหน่งที่อยู่ของขนนั้นแล้วก็หยุดงอกไประยะเวลาหนึ่งหลังจากนั้นก็จะร่วงหลุดไปอายุของขนรวมถึงระยะหยุดงอกก่อนจะหลุดนั้นแตกต่างกันตามชนิดและตำแหน่งของขน เช่น ขนคิ้ว ขนตา ขนรักแร้ มีอายุประมาณ ๓-๔ เดือน ขนอ่อนตามร่างกายอายุประมาณ ๔ เดือนครึ่ง ผมอายุ ๔ ปี
ใน
ส่วนใหญ่ของร่างกายมีขนอ่อนอยู่ทั่วไปอาจมีขนอ่อนชนิดเดียวพบได้ที่หน้า คอและลำตัวของหญิงที่แขน ขาและศรีษะมีขนอ่อนและขนชุดสุดท้ายรวมกันขนชุดสุดท้ายอย่างเดียว ได้แก่ คิ้ว ขนตา ขนรักแร้ ขนจมูกและขนหัวหน่าวที่ศีรษะส่วนใหญ่เป็นขนชุดสุดท้ายแต่อาจะมีขนอ่อนปะปนบ้าง
• กล้ามเนื้อขนลุก
เป็นกล้ามเนื้อเรียบยึดเกาะหนังกำพร้าชั้นลึกไปถึงผนังชั้นนอกของขุมขนทางด้านมุมป้านเมื่อกล้ามเนื้อนี้หดตัวก็ทำให้รากขนและเส้นขนตั้งชันขึ้นในขณะเดียวกันก็บีบต่อมไขมันซึ่งอยู่ตรงมุมระหว่างขุมขนกับกล้ามเนื้อขับไขมันออกมา
• ต่อมไขมัน
เป็นต่อมรูปกระเปาะเล็ก ๆ อยู่ในหนังแท้พบได้ในผิวหนังเกือบทั้งหมดที่มีขนมีมากที่หนังศีรษะ ใบหน้ารอบ ๆ รูเปิดต่าง ๆ คือ ทวารหนัก จมูก ปากและรูหู แต่บางแห่งก็ไม่มีต่อมไขมันเลย เช่น ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
ส่วนก้นของต่อมกว้างออกเป็นรูปกระเปาะ ๑–๕ กระเปาะ แต่มีท่ออันเดียวไปเปิดสู่ขุมขนยกเว้นที่บริเวณลานหัวนมท่อเปิดสู่ผิวหนังโดยตรง
ขนาดของต่อมไม่สัมพันธ์กับขนาดของคน เช่น ทารกในครรภ์และเด็กเกิดใหม่ขุมขนเล็กแต่ต่อมไขมันโตที่จมูกและใบหน้ามีต่อมไขมันมากจึงเป็นมันอยู่เสมอ
ต่อมไขมันเกิดขึ้นในเดือนที่ ๕ ของทารกในครรภ์เจริญจากหนังกำพร้าที่เป็นผนังของขุมขน
ต่อมที่รูหูดัดแปลงเป็นต่อมขี้หูสารที่หลั่งออกมาจะแข็งตัวเมื่อถูกอากาศเป็นขี้หู
• ต่อมเหงื่อ
พบได้ในผิวหนังเกือบทุกแห่งของร่างกายมีจำนวนมากมายที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าซึ่งมีท่อเปิดที่ยอดของสันผิวหนัง
ต่อมมีลักษณะเป็นท่อยาวส่วนลึกของท่อขดไปมาจนเป็นก้อนกลมหรือก้อนรูปไข่ขนาด ๐.๑–๐.๕ มิลลิเมตร อยู่ในเยื่อใต้หนังหรือในส่วนลึกของหนังแท้ส่วนนี้ทำหน้าที่หลั่งเหงื่อส่วนตื้นของท่อผ่านหนังแท้และหนังกำพร้าเปิดสู่ผิวเป็นรู รูปกรวยเล็ก ๆ เรียกว่า รูเหงื่อ ซึ่งอาจเห็นได้เมื่อใช้แว่นขยายโดยเฉพาะที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
บางแห่งไม่มีต่อมเหงื่อ เช่น หัวนม ขอบริมฝีปาก แอ่ง ใบหูและส่วนลึกของรูหู
ต่อมเหงื่อทั้งหมดมีประมาณ ๒,๐๐๐,๐๐๐ ต่อม มีมากที่สุดที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้าและน้อยที่สุดที่หลังและขา
ต่อมเหงื่อเจริญจากหนังกำพร้าชั้นลึกงอกลึกลงไปในหนังแท้และเยื่อใต้หนังเริ่มปรากฏที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ในเดือนที่ ๔ ของทารกในครรภ์ ท่อต่อมเหงื่อจะเปิดสู่ผิวในเดือนที่ ๗ ของทารกในครรภ์
เหงื่อออกจากต่อมเหงื่อทั้งหมดประมาณ ๗๐๐-๙๐๐ กรัม ใน ๒๔ ชั่วโมง เมื่ออากาศร้อนขณะพักผ่อนเหงื่อออก ๒๐๐ กรัม ใน ๑ ชั่วโมง และขณะทำงานอาจออกถึง ๙๐๐ กรัมใน ๑ ชั่วโมง เหงื่อจะเริ่มออกเมื่ออุณหภูมิของร่างกายสูงกว่าปกติ ๐.๒–๐.๕ องศาเซลเซียส แต่ที่ฝ่ามือฝ่าเท้าไม่มีปฏิกิริยาต่ออุณหภูมิเหงื่ออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่เท่ากันเหงื่อออกจากลำตัว ประมาณ ๕๐% จากศรีษะและแขนประมาณ ๒๕% และจากขาประมาณ ๒๕%
เหงื่อมีฤทธิ์เป็นกรดจากกรดแล็กติกและประกอบด้วยโซเดียมคลอไรด์เป็นส่วนใหญ่มียูเรีย (Urea) และแล็กเตต (lactate) เล็กน้อย