Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Grammar: เทคนิคการเปลี่ยนรูป Direct เป็น Indirect Speech แบบละเอียด ช่วยให้เล่าเรื่องได้คล่อง

Posted By Plook Creator | 19 ก.ย. 60
362,735 Views

  Favorite

บางครั้งเราจำเป็นต้องยกคำพูดของผู้อื่นมาเล่าเรื่อง โดยในภาษาอังกฤษมี 2 วิธี คือ Direct Speech (การพูดโดยตรง) และการพูดโดยเปลี่ยน Direct เป็น Indirect Speech ซึ่งมีกฎการเปลี่ยนค่อนข้างยุ่งยากทีเดียว ดังนั้นเราจะมาอธิบายกันอย่างละเอียดยิบเลยค่ะ


Direct Speech

Direct Speech คือ การนำคำพูดของผู้อื่นมาพูดแบบตรง ๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือเติมคำพูดใด ๆ เข้าไป และคำพูดนั้นจะอยู่ในเครื่องหมายคำพูด (Quotation Mark “…”) เช่น

       Tom said, “I have dinner with my wife.”  
หรือ “I have dinner with my wife.”, Tom said.
       ทอมพูดว่า “ผมทานมื้อเย็นกับภรรยาของผม”

       She said, “I’m teaching English online.”
หรือ “I’m teaching English online,” she said.
       เธอพูดว่า “ฉันกำลังสอนภาษาอังกฤษออนไลน์”


ข้อควรจำ:

1. หลังประโยคหลักจะต้องคั่นด้วยเครื่องหมาย comma (,) เสมอ เช่น She said, “I’m teaching English online.”
2. หากสลับเอาประโยคในเครื่องหมายคำพูดขึ้นก่อน เมื่อจบประโยคให้ใส่เครื่องหมาย comma แล้วปิดด้วยเครื่องหมายคำพูด จึงตามด้วยชื่อผู้พูด เช่น “I’m teaching English online,” she said.
3. ประโยคในเครื่องหมายคำพูดจะขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่


Indirect Speech

Indirect Speech หรือ Reported Speech คือ การนำคำพูดของผู้อื่นมาดัดแปลงเป็นคำพูดของผู้พูดเอง แล้วเล่าให้ผู้อื่นฟัง ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประโยคเดิม และไม่มีการใส่เครื่องหมายคำพูด เช่น

     Direct Speech:    Tom said, “I have dinner with my wife.” (ทอมพูดว่า “ผมทานมื้อเย็นกับภรรยาของผม”)
     Indirect Speech:  Tom said (that) he had dinner with his wife. (ทอมพูดว่าเขาทานมื้อเย็นกับภรรยาของเขา)

     Direct Speech:   She said, “I’m teaching English online.” (เธอพูดว่า “ฉันกำลังสอนภาษาอังกฤษออนไลน์”)
     Indirect Speech: She said (that) she was teaching English online. (เธอพูดว่าเธอกำลังสอนภาษาอังกฤษออนไลน์)


กฎพื้นฐานในการเปลี่ยน Direct เป็น Indirect Speech

1. เปลี่ยน Tense

Direct Speech

Indirect Speech

  Present simple

  Past simple

  Present continuous

  Past continuous

  Present perfect simple

  Past perfect simple

  Present perfect continuous

  Past perfect continuous

  Past simple

  Past perfect

  Past continuous

  Past perfect continuous

  Past perfect

  Past perfect

  Past perfect continuous

  Past perfect continuous


เปลี่ยน Modal Verbs (กริยาช่วย)

Direct Speech

Indirect Speech

  will / shall

  would / should

  can

  could

  may

  might

  must

  had to


ข้อควรจำ: Direct Speech ที่ใช้ Modal Verbs – could, would, should, might และ ought to อยู่แล้ว เมื่อทำเป็น Indirect Speech ไม่ต้องเปลี่ยนคำกริยาช่วยเหล่านี้

2. เปลี่ยนคำกริยาของประโยคนำ (Reporting Verb)

Direct Speech

Indirect Speech

  says

  says (that)

  said

  said (that)

  say to + บุคคล

  tell + บุคคล + (that)

  said to + บุคคล

  told + บุคคล + (that)


3. เปลี่ยนสรรพนามบุคคล (Personal Pronoun)

Direct Speech

Indirect Speech

  I

  he/she

  me

  him/her

  my

  his/her

  mine

  his/hers

  myself

  himself/herself

  we

  they

  us

  them

  our

  their

  ours

  theirs

  ourselves

  themselves

  you (ประธาน)

  he/she

  you (กรรม)

  me

  your

  my

  yours

  mine

  yourself

  myself

  yourselves

  ourselves


4. เปลี่ยนคำแสดงระยะใกล้เป็นไกล (Nearness → Remoteness)

Direct Speech

Indirect Speech

  here

  there

  this

  that

  these

  those


และเปลี่ยนคำบอกเวลา (Adverbs of time)

Direct Speech

Indirect Speech

  today

  that day

  yesterday

  the day before

  tomorrow

  the next day

  last night/week/month/year

  the night/week/month/year before

  next night/week/month/year

  the following night/week/month/year

  ago

  before

  a year/month ago

  a year/month before

  now

  then

  come

  go



Indirect Speech แบ่งเป็น 3 ประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีกฎในการเปลี่ยนแตกต่างกันไป ดังนี้

1. Indirect Speech – Statement คือ รูปประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธ มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
   1.1. ตัดเครื่องหมาย comma (,)  และเครื่องหมายคำพูด (“…..”) ออก
   1.2. เปลี่ยน Reporting Verb ตามความเหมาะสม (ดูหลักการเปลี่ยน Reporting Verb จากตารางด้านบน) และจะเติม that หลัง Reporting Verbs หรือไม่ก็ได้
   1.3. เปลี่ยนสรรพนามให้เหมาะสม (ดูหลักการเปลี่ยนสรรพนามจากตารางด้านบน)
   1.4. เปลี่ยนคำแสดงระยะใกล้เป็นไกล และคำระบุเวลา
   1.5. เปลี่ยน Tense ให้เหมาะกับ Reporting Verb ดังนี้
        ถ้า Reporting Verb ใน Direct Statement อยู่ในรูป Present Tense ไม่ต้องเปลี่ยน Tense ใน Indirect Statement แต่ต้องเปลี่ยนรูปกริยาตามประธานในประโยค เช่น

        Direct: She says, “I am happy.”
        Indirect: She says (that) she is happy.

        Direct: He says, “I love you.”
        Indirect: He says (that) he loves me.

        - ถ้า Reporting Verb ใน Direct Statement อยู่ในรูป Past tense ต้องเปลี่ยน Tense ใน Indirect Statement (ดูกฎการเปลี่ยน Tense ได้ตามตารางด้านบน) เช่น

         เปลี่ยนจาก Present simple tense เป็น Past simple tense
         Direct:  She said, “I drink milk.”
         Indirect: She said (that) she drank milk.

         เปลี่ยน will เป็น would
         Direct: He said, “I will meet her here tomorrow.”
         Indirect: He said (that) he would meet here there the next day.

2. Indirect Speech – Commands, Requests, Suggestions คือ รูปประโยคคำสั่ง ขอร้อง หรือขออนุญาต มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
   2.1. ใช้กริยานำ (Reporting Verb) ให้เหมาะสม เช่น tell/told (บอก), ask/asked (ขอร้อง), request/requested (ขอร้อง), beg/begged (วิงวอน), advise/advised (แนะนำ), propose/proposed (เสนอแนะ), command/commanded (สั่ง), order/ordered (สั่ง), forbid/forbade (สั่งห้าม), warn/warned (เตือน)
   2.2. ใช้ to+V.1 ในการ บอก, แนะนำ, ขอร้อง หรือสั่งให้ทำ ถ้าเป็นปฏิเสธหรือห้ามทำ ใช้ not to + V.1
   2.3. ถ้าประโยค  Direct Speech ไม่มีกรรม ให้เติมกรรมในประโยค Indirect Speech
   2.4. ถ้าในประโยค Direct Speech มีคำว่า please ให้ตัดออก

       ตัวอย่าง:
       Direct : The teacher said, “come in.”
       Indirect: The teacher told him to come in.

       Direct : Tom begged, “Please move into the living room.”
       Indirect: Tom begged me to move into the living room.

       Direct: The doctor said, “Don’t smoke.”
       Indirect: The doctor advised me not to smoke.

3. Indirect Speech – Question คือ รูปประโยคคำถาม มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
   3.1. ตัดเครื่องหมายคำถาม (?) ออก เพื่อให้อยู่ในรูปประโยคบอกเล่า
   3.2. เปลี่ยนกริยานำ (Reporting Verb) จาก say, said, told เป็น ask/asked (ถาม), inquire/inquired of (สอบถาม)
   3.3. ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Verb to do, to have, to be, และกริยาช่วย (Auxiliary verbs) Will, Can, etc. เป็นต้น จะต้องเชื่อมประโยคด้วย if, whether, whether or not, whether….or not to
   3.4. ประโยคคำถามที่ขึ้นด้วย Wh-Questions: What, Where, When, Why, Who, Whom, Whose และ How ใช้คำเหล่านี้เป็นตัวเชื่อมประโยคได้เลย

       ตัวอย่าง:
       Direct: Sompong said to us, “Are you leaving for Bangkok today?”
       Indirect: Sompong inquired of us whether we were leaving for Bangkok that day.

       Direct: She said to me, “Can you sing a song?”
       Indirect: She asked me if I could sing a song.

       Direct: He said to her, “What are you doing now?”
       Indirect: He asked her what she was doing then.


กฎการเปลี่ยนจาก Direct มาเป็น Indirect Speech อาจดูค่อนข้างยุ่งยาก แต่ถ้าค่อย ๆ ทำความเข้าใจรับรองว่าจะเล่าเรื่องภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วแน่นอน

 

 

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Creator
  • 44 Followers
  • Follow