เราเลยจะมาช่วยไกด์ทางให้น้อง ๆ ทุกคนมั่นใจว่า อาชีพไหนเหมาะกับตัวเราดีอยู่แล้ว และอาชีพไหนที่ยังไม่ค่อยเหมาะ (ต้องพัฒนาตัวเองต่ออย่างไร) คล้าย ๆ การออกไปหาหลักฐานมายืนยันว่า อาชีพนี้แหละเกิดมาเพื่อฉันจริง ๆ ไม่ใช่แค่ฝันไปนะจ๊ะ
ใครที่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ อาจจะเป็นเพราะยังเชื่ออะไรแบบนี้อยู่หรือเปล่า บางทีการที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรอาจจะมาจากการเชื่อเรื่องเหล่านี้อยู่ก็ได้ เพราะฉะนั้นเลิกเชื่อแบบนี้ได้แล้ว
1. เชื่อว่า การที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรเป็นเรื่องที่ผิดมาก
การไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรมันไม่ได้ผิดขนาดนั้นหรอกนะ เพราะการค้นหาตัวเองว่าตัวเองชอบอะไร เก่งอะไร เป็นเรื่องที่ยากอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ใช่เรื่องผิดบาปขนาดนั้นถ้ายังไม่เจอ สิ่งที่ต้องทำคือ ค้นหาต่อไปด้วยความสุข ค่อย ๆ หา ค่อย ๆ ตื่นเต้นไปกับมัน อย่าไปซีเรียส
2. เชื่อว่า ถ้ารู้จักตัวเองก็จะสำเร็จเหมือนคนอื่น
หยุดคิดว่าถ้ารู้จักตัวเองแล้วจะประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่น เพราะถ้าคุณรู้จักตัวเองก็ต้องประสบความสำเร็จในแบบของคุณเอง เช่น ถ้าเราขายของออนไลน์ได้เก่งมาก ๆ แต่พอหันไปมองคนที่เขาเปิดร้านคาเฟ่ที่มีรายได้ต่อเดือนเยอะกว่า แบบนี้เราจะไม่มีความสุขและไม่สำเร็จสักที
3. เชื่อว่า ต้องรู้จักตัวเองดีก่อน ค่อยลงมือทำ
ถ้าเชื่อแบบนี้อยู่ให้เลิกเชื่อ เพราะคนที่เขารู้จักตัวเอง เขาออกไปลงมือทำกันก่อนทั้งนั้น คิดดูว่าถ้านั่งอยู่เฉย ๆ จะไปรู้จักตัวเองได้อย่างไร ถ้าอยากรู้จักตัวเอง ก็ต้องออกไปลงมือทำให้รู้ดำรู้แดงไปทีละอย่าง
4. เชื่อว่า ต้องออกไปเที่ยวเท่านั้นถึงจะค้นหาตัวเองเจอ
อย่าอินหนังมากไป เพราะคนเราสามารถพบว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไรได้ด้วยการใช้ชีวิตประจำวันธรรมดา ๆ แต่การออกไปเที่ยวต่างที่ต่างถิ่นก็อาจทำให้เราค้นพบตัวเองได้ แต่ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวก็เจอตัวเองได้เหมือนกัน ความชอบมันอยู่ในชีวิตประจำวัน อยู่ที่เราจะสังเกตเห็นหรือเปล่า
ไม่ได้จะมากันซีนไม่ให้ใครเชื่อในอาชีพในฝันของตัวเองหรอกนะ เพราะถ้าใครเจออาชีพที่ใช่มันก็เป็นเรื่องดีแล้วแต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าอาชีพนั้นมันไปได้สวยกับเราจริง ๆ เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่ฝันถึงมันเลยจะดีกว่า ออกไปพิสูจน์กันให้รู้ไปเลยว่าอาชีพนี้จะใช่หรือไม่ใช่ด้วยการออกไปทำ 5 สิ่งต่อไปนี้
1. ฝึกงาน ใช้เวลากับสิ่งที่ชอบ
น้อง ๆ หลายคนที่เรียนอยู่เข้าใจว่า ตัวเองไม่สามารถฝึกงานได้เหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นความจริงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะกระทรวงศึกษาธิการได้ออกมาประกาศแล้วว่า น้องที่อยู่ม. 3 สามารถเข้าฝึกงานได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 นี้เป็นต้นไป แต่สำหรับน้อง ๆ อาจจะไม่ได้ใช้เวลาฝึกงานถึง 3 เดือนเหมือนนักศึกษา แต่ใช้เวลาฝึกเพียง 2 อาทิตย์ และเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้สะดวกในการเดินทางไป-กลับ โดยจะเริ่มดำเนินการทันทีในช่วงปิดภาคเรียนเดือนตุลาคมนี้ โอกาสมาขนาดนี้แล้ว รีบติดต่อครูแนะแนวด่วน ๆ
*หากอยากฝึกงาน ก็อย่าอาจหาญทำตัวแบบนี้
“หนู/ผมไปไม่ได้ แม่ไม่อนุญาตให้นั่งแท็กซี่ มันอันตราย พี่มารับได้ไหม”
ในชีวิตการทำงานเราเลือกไม่ได้มาก สิ่งไหนที่จะทำให้งานมันสำเร็จ เราก็ต้องทำแม้มันจะขัดกับนิสัยส่วนตัวขนาดไหนก็ตาม จำไว้ว่าเป็นคุณหนูที่บ้านได้ แต่เป็นคุณหนูที่ทำงานไม่ได้นะ เราต้องสตรอง
“หนู/ผมก็แค่เด็กฝึกงานอ่ะพี่”
น้องมีสิทธิ์โดนพี่ฝึกงานเทโครมเลยทันทีถ้าไปพูดแบบนี้ให้เขาได้ยิน เพราะมันแสดงออกถึงความไม่ใส่ใจ ไม่จริงจัง และไร้ความมุ่งมั่นที่สุด เขาจะหมดอารมณ์ที่จะสอนน้องและน้องก็จะไม่ได้อะไรเลยจากการฝึกงานครั้งนี้หากคิดแบบนี้
“อันนี้รู้แล้วพี่ไม่ต้องบอกก็ได้”
ทำตัวโง่บ้าง ท่องไว้ว่าเรามาฝึกงาน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรารู้แล้ว มันอาจยังไม่เท่ากับสิ่งที่คนทำงานจริง ๆ เขารู้ ดังนั้นแทนที่จะบอกว่า รู้ทุกเรื่อง รู้ดีทุกอย่าง ทางที่ดีน้อง ๆ ควรทำตัวอ่อนน้อมให้เขาสอนงานจะดีกว่าทำตัวรู้มาก รู้ไปหมด
“ทำได้ค่ะ/ครับ”
ถ้าทำไม่ได้ก็ให้บอกว่าทำไม่ได้ เพราะถ้าทำไม่ได้แต่บอกว่าทำได้ งานมันจะออกมาไม่ดี อย่าไปกลัวการทำพลาด ถ้าไม่รู้ ทำไม่ได้ บอกไปตามตรง เพราะการไม่รู้ไม่ได้เป็นการทำผิดอะไร แถมพี่ ๆ ฝึกงานเขาพร้อมอธิบายมาก เขาชอบเด็กที่ช่างถามนะ
“เข้าใจค่ะ/ครับ เข้าใจจริง ๆ”
อธิบายอะไรก็บอกเข้าใจหมด ขานรับ ค่ะ/ครับ ทันทีทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เข้าใจจริง ๆ พาลทำให้พี่ฝึกงานหลายคนหงุดหงิดนะ เมื่ออธิบายไปแล้วน้องบอกเข้าใจ แต่เวลาทำจริงก็กลับไปถามใหม่เหมือนที่เขาอธิบายไปมันไม่รู้เรื่องเลย ดังนั้นถ้าไม่เข้าใจตั้งแต่แรกให้ถามทันที
2. เวิร์กช็อป ไปลงมือทำในสิ่งที่ชอบ
การเวิร์กช็อปคือ การลองทำสิ่ง ๆ หนึ่ง ภายใต้การดูแลของคนที่มีประสบการณ์มากกว่า ซึ่งการเวิร์กช็อปจะเข้มข้นน้อยกว่าการฝึกงาน เพราะใช้เวลาไม่เกิน 1 วัน โดยในกรุงเทพฯ มีสถานที่ให้เข้าไปเวิร์กช็อปหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการ
เวิร์กช็อปทอผ้า ทำเซรามิก ทำขนมปัง ปั้นแก้วน้ำ ทำสวนผัก หล่อเครื่องประดับ ประดิษฐ์ตัวอักษร ออกแบบภาพพิมพ์หรือแม้กระทั่งจัดดอกไม้ เป็นต้น ซึ่งน่าจะเป็นที่ถูกใจของคนที่อยากทำอาชีพงานฝีมือในอนาคต โดยบางการเวิร์กช็อปอาจมีค่าใช้จ่าย แต่บางเวิร์กช็อปก็มีให้เข้าไปลองทำฟรี และที่สำคัญคือไม่จำกัดอายุผู้เข้าร่วมด้วยนะ
*เดือนไหนมีเวิร์กช็อปน่าสนใจตามได้ที่เว็บไซต์นี้
www.bkkmenu.com
www.Soilmilk.com
Joyrukclub Thailand
The Jam factory
3. ท่องเที่ยว ใช้ชีวิตกับสิ่งที่ชอบ
บางคนอาจไม่เชื่อว่าการท่องเที่ยวจะทำให้ค้นหาตัวเองเจอ แต่เราขอยืนยันว่า การท่องเที่ยวก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะไกด์อาชีพในอนาคตให้เราได้เหมือนกัน เพราะการไปเที่ยวแต่ละทริปจะทำให้เราได้ประสบการณ์มากกว่าคนอื่น บางคนไปเที่ยวและบังเอิญได้กินเค้กอร่อยแค่ชิ้นเดียว เขาก็ค้นพบว่าตัวเองอยากเป็นนักโภชนาการอาหาร หรือบางคนไปเที่ยว กำลังหลงทางแต่เจอตำรวจใจดีมาช่วย เขาก็ค้นพบว่าตัวเองอยากจะเป็นตำรวจที่ดีในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่สำหรับน้อง ๆ อาจจะไม่ต้องถึงขั้นแบกเป้ไปประเทศจีน รัสเซีย มองโกเลียผ่านเส้นทางรถไฟสายทรานไซบีเรีย แต่อาจจะเลือกเที่ยวในประเทศ ไปในที่ที่ชอบ หรือจะไปต่างประเทศในแถบอาเซียนก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้อายุ 14-15 ก็เริ่มเที่ยวค้นหาตัวเองในต่างแดนกันแล้ว เท่จะตายไป
หาไอเดียท่องเที่ยวได้ตามนี้เลย
www.thetrippacker.com
www.unseentourthailand.com
www.gowentgothailand.com
www.saphipae.com/Saphipae_WP/
www.wheredowego.in.th/
4. Staff Event ไปใช้แรงกับสิ่งที่ชอบ
Staff Event คือ การไปเป็นส่วนหนึ่งของงาน ๆ หนึ่ง เช่น คอนเสิร์ต แต่งหน้า ทำผม เทศกาลดนตรี ละครเวที กองถ่ายละคร เบื้องหลังรายการทีวีหรือประชาสัมพันธ์ เป็นต้น ซึ่งน้อง ๆ จะได้ทำงานจริง ๆ เหมือนคนที่ทำอาชีพนั้นทุกอย่างและเหนื่อยเท่ากัน บางงานจะได้ค่าตอบแทนกลับมาด้วย ใช้เวลาทั้งวันหรือนับเป็นชั่วโมง ทำแบบไปเช้า เย็นกลับแต่ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ แต่มักเป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมมาก เพราะเราจะได้เรียนรู้องค์ประกอบของงานนั้น ๆ อย่างละเอียด แต่ข้อเสียคือ ไม่มีโอกาสให้ทำผิดพลาด ดังนั้นจึงต้องมีความรู้เกี่ยวกับงานที่จะไปทำเล็กน้อยหากอยากที่จะค้นหาตัวเองด้วยการเป็น Staff Event
เดือนไหนมี Staff Event น่าสนใจตามได้ที่นี่
สมาพันธ์ฟรีแล๊นซ์, HAVE YOU HEARD?, 4nologue, 411, BEC-TERO ENTERTAINMENT, ฟังใจ-Fungjai, Seen Scene Space, House RCA, Medium Rare Live, All Thai Event, Live Nation, BEC-Tero, Holding On Records
กองถ่าย
www.jobdst.com
www.entertainjob.com
www.mono.co.th
www.bectero.com
5. Event Lover เดินสายดูงานที่ชอบและไม่ชอบ
Event Lover คือ การออกไปดูงานที่จัดโชว์ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ไปเดินดูงานศิลปะ ตลาดนัดขายของ งานหนังสือหรือการโชว์ธีสิสในแต่ละปีของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เขานำมาโชว์ ซึ่งแต่ละเดือนก็จะมีการจัดแสดงงานหลากหลายให้เราได้เลือกไปศึกษาไม่ซ้ำกัน มีการแชร์ไอเดียต่าง ๆ ที่น่าสนใจ แต่การไปแบบค้นหาตัวเองจะต้องมีจุดมุ่งหมายที่ความช่างสังเกตหมั่นสอบถาม บางทีเราอาจค้นพบความชอบและอาชีพจากการเดินสายดูงานต่าง ๆ ได้
อีเว้นท์ดี ๆ ตามได้ที่นี่เลย
Museum Siam
Bacc หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ARDEL Gallery of Modern Art
Queen Sirikit Museum of Textiles
Thailand Creative & Design Center(TCDC)
+ ไม่มีปัญหาในการตื่นเช้า
คุณเตรียมตัวเองเสมอเพื่อให้พร้อมสำหรับการไปทำงานวันพรุ่งนี้ ไม่ฝืนตัวเองนอนดึก รู้จักปฏิเสธปาร์ตี้เพราะคำนวณเวลานอนแล้วมันไม่น่าพอที่จะมีแรงลุกไปทำงาน บางคนถึงกับปรึกษาหารือกับที่บ้าน เพื่อที่จะหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการไปให้ถึงที่ทำงานก่อนเวลา ไม่ใช่สายโด่งแล้วก็ยังอยากนอนต่อ ไม่พร้อมจะไปทำเลยงานนี้ อยากนอน อยากนอน
+ รู้สึกว่าได้ใช้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่
เมื่อทำงานจริง คุณได้ใช้ความสามารถที่เรียนมาในการแก้ปัญหา ยกมือแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ อย่างเอาจริงเอาจัง คุณมีความรู้ในส่วนนี้ไม่แพ้คนอื่น และสามารถที่จะเอาความคิดของคนอื่นมาต่อยอดได้ ยิ่งมีคนชมความคิดของคุณยิ่งมั่นใจได้เลยว่า นี่แหละงานในฝันที่จะกลายมาเป็นจริง
+ เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี ซี้ปึก
ไม่ว่าเพื่อนร่วมงานจะอายุห่างจากคุณหลายปี คุณก็รู้สึกว่าจูนกับเขาติด มีคนที่คุณสามารถละออกจากหน้าจอเพื่อที่จะเม้าท์เรื่องที่คุณสนใจกับเขาได้ ความสนใจบางอย่างตรงกัน เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย แถมยังชวนกันไปกินข้าวหลังเลิกงาน หรือแพลนไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด นี่เป็นสัญญาณที่ดีมากอีกหนึ่งข้อ
+ มีความสุข ไม่รู้สึกว่าทำงานอยู่
มีความสุขในที่นี้คือ เวลานั่งทำงานเรารู้สึกสนุกกับงาน ไม่เครียด เพลิดเพลินกับงานที่ทำ รอบคอบ มีสมาธิเสมอเวลาที่ทำงานนั้น บางคนอาจทำงานไปด้วยร้องเพลงไปด้วย ฟังเพลงไปด้วย ไม่ได้นั่งนับถอยหลังว่าเมื่อไหร่จะเลิกงานตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงแรกที่เข้ามาทำงาน อันนั้นเรียกไม่มีความสุขกับงานแล้ว
+ ภูมิใจในสิ่งที่ทำ
สังเกตตัวเองเมื่อทำงานเสร็จ หากทำงานเสร็จแต่ละชิ้นคุณรู้สึกอยากบอกใครสักคน นั่นคือคุณภูมิใจกับงานนั้น แถมเมื่อเห็นงานตัวเองไปปรากฎอยู่ในที่สาธารณะ คุณจะยิ้มแบบไม่รู้ตัว เพราะคุณรู้สึกว่างานที่คุณทำมันสร้างประโยชน์ให้สังคม ให้คนอื่น และคุณก็มีความสุขที่งานของคุณมันมีประโยชน์ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม
+ มีเวลาว่างไปทำเรื่องอื่น ๆ
เวลาเพื่อนนัดกินข้าวรวมตัว หรือนัดไปเที่ยวสังสรรค์ คุณว่างเสมอ งานที่คุณทำมันไม่ได้รัดตัวคุณจนไม่มีเวลาหายใจหายคอไปทำอย่างอื่นที่เป็นชีวิตส่วนตัว คุณมีเวลาไปใช้ชีวิต ไปทำงานอดิเรก ไปวิ่งออกกำลังกาย พาหมาแมวไปอาบน้ำ พาพ่อแม่ไปช้อปปิงในวันหยุด
+ รู้สึกสนุก มีไอเดียใหม่ ๆ เสมอ
สนุกเมื่อได้คิดงาน บางทีอยู่บนรถเมล์กลับบ้านก็ยังคิด คิดแบบไม่กดดันตัวเองแต่ทำให้งานอยู่ในชีวิตประจำวันเพื่อให้มันออกมาดีที่สุด ตื่นเช้ามาทำงานคุณอยากให้เพื่อนร่วมงานรู้ว่าเมื่อวานคุณหาไอเดียใหม่ได้อีกแล้ว แล้วมันจะมาเรื่อย ๆ ไม่ตันหรือคิดไม่ออก เพราะงานนี้มันใช่สำหรับคุณ
+ ดูดีขึ้น จนคนอื่นสังเกตได้
บางคนเวลาเจองานที่ใช่ เขาจะเปล่งปลั่ง มีออร่าความดูดี ราศีมันจะจับจนคนที่อยู่ด้วยกันบ่อย ๆ สังเกตได้ เขาจะทักเราว่าทำไมช่วงนี้ดูดีขึ้น ไปทำอะไรมา ซึ่งเราก็จะงง ๆ เพราะไม่ได้ไปทำอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่เจองานที่ใช่ และมันไม่เครียดแค่นั้นเอง
+ อยากเล่าเรื่องดี ๆ ที่เจอในที่ทำงานให้คนอื่นฟัง
คุณจะกลายเป็นคนช่างพูดทันทีเมื่อประเด็นสนทนาเป็นเรื่องงาน จากที่เป็นคนไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา แต่ถ้ามีใครถามเรื่องงานคุณจะไม่รู้สึกอึดอัดที่จะตอบ สามารถเล่าลงรายละเอียดว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง คุณทำอะไรอยู่อย่างภาคภูมิใจ แถมเล่าไปยิ้มไป คนฟังก็สนใจถามคุณเมื่อเจอหน้า
แหล่งข้อมูล
เด็กม. 3 เตรียมตัว ลงพื้นที่ฝึกงานจริง ตุลาคม 60 วัดความชอบด้านอาชีพ. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 จาก https://www.kkututor.com
หากอยากจะไปฝึกงาน ก็อย่าหาญกล้าทำตัวเยี่ยงนี้. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 จาก https://readdaypoets.com
3 ความเชื่อผิด ๆ ของการค้นหาตัวเอง. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2560 จาก https://kittitrirat.com
หางานที่คุณรัก แล้วคุณจะไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 จาก https://www.leaderwings.com
เรื่อง : วัลญา นิ่มนวลศรี
ภาพประกอบ : พลอยขวัญ สุทธารมณ์ และธัญญาดา เศรษฐวัฒนบวร