ปกติเวลาเราคนไทยพูดกัน มักจะบอกว่า ไปตัดผม ไปทำสีผมมา แต่ถ้าในภาษาอังกฤษนั้นมักจะใช้โครงสร้างประโยคเป็น Passive Voice. Get/have + my hair + past participle (v.ช่อง 3) คือ ไปให้เส้นผมถูกกระทำ เช่น I get my hair washed. แปลว่า ฉันให้ผมฉันถูกสระ (ให้คนอื่นสระผมให้เรา) แต่ถ้าเราพูดว่า I wash my hair. จะแปลว่า เราสระผมด้วยตัวเอง รู้แบบนี้แล้วเรามาดูกันค่ะว่าเวลาสั่งช่างทำผมจะใช้ประโยคอย่างไร
Can I get my hair washed and blow dried please? หรือ Can I have my hair washed and blow dried please? (ฉันต้องการสระไดร์ค่ะ)
ทั้ง washed และ blow dried เป็น past participle (verb ช่อง 3) ทั้งสองตัว (ผมโดนสระและโดนไดร์)
Can I get my hair trimmed? I just need a trim. (ฉันต้องการเล็มปลายค่ะ)
Trimmed เป็น past participle (verb ช่อง 3) I get my hair trimmed. แปลว่า ฉันให้เส้นผมถูกเล็ม
A trim แปลว่า การเล็มปลาย I need a trim. แปลตรงตัวว่า ฉันต้องการการเล็ม (ปลายผม)
I have the split ends. (ฉันมีผมแตกปลาย)
Could you trim them off about a half-inch?” (คุณเล็มออกสักครึ่งนิ้วได้ไหม)
Can I get/have my hair colored? Can I get/have my hair dyed? (ฉันต้องการให้ผมถูกทำสี)
Colored และ dyed เป็น past participle (verb ช่อง 3) ให้ความหมายว่าผมถูกย้อมสี
หากเราย้อมสีผมด้วยตัวเราเองเราจะบอกว่า I dye my hair หรือ I color my hair.
I need to get a bob. (ฉันต้องการทำทรงบ๊อบ)
I want to have bangs, today. หรือ I want to have a fringe, today. (วันนี้ฉันอยากตัดผมม้า)
**bangs ใช้เป็นรูปพหูพจน์เสมอ เป็นภาษา American English ในขณะที่ fringe ใช้เป็นรูปเอกพจน์ เป็นภาษา British English**
I need to get my hair cut. และ I need to get a haircut. ให้ความหมายไม่เหมือนกัน
I need to get my hair cut. แปลว่าฉันต้องการให้ผมถูกตัด หมายความว่า มาตัดผมเฉย ๆ ไม่เน้นทรงมาก
I need to get a haircut. Haircut เขียนติดกันแปลว่า ทรงผม หมายถึง ฉันต้องการทรงผมใหม่ อาจจะให้ช่างออกแบบให้หรือเอาทรงมาเองก็ได้