เมื่อสหประชาชาติประกาศปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแล้วเรื่องสิทธิมนุษยชนได้กลายเป็นเรื่องที่ประชาคมโลกให้ความสนใจและกระแสความคิดด้านสิทธิมนุษยชนได้เป็นกระแสที่แพร่ขยายควบคู่ไปกับกระแสประชาธิปไตยในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ในส่วนของประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีของสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน รวม ๔ ฉบับ คือ
๑. อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
๒. อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
๓. กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
๔. กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
การเข้าเป็นภาคีของสนธิสัญญาดังกล่าวทำให้รัฐบาลไทยมีพันธกรณีที่จะต้องส่งเสริมให้กฎหมายและแนวปฏิบัติภายในประเทศสอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากลที่ระบุไว้ในสนธิสัญญา รวมทั้งการจัดทำรายงานการปฏิบัติตามพันธกรณีเสนอต่อสหประชาชาติตามระยะเวลาที่กำหนดซึ่งนับว่าเป็นการปกป้องไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ในระดับหนึ่ง