หากเราอยากชวนเพื่อนคุยถึงเรื่องครอบครัวของเขา อาจจะถามเป็นคำถามกว้าง ๆ ได้ว่า
Tell me about your family.
(เล่าเรื่องครอบครัวของคุณให้ฉันฟังหน่อยสิ)
ประโยคนี้อาจใช้ในกรณีไม่ทางการนัก
Would you please tell me about your family?
(คุณจะกรุณาเล่าเรื่องครอบครัวของคุณให้ฟังได้ไหม?)
ประโยคนี้ใช้กับคนที่เพิ่งรู้จักหรือเป็นทางการสักหน่อยก็ได้
การตอบคำถามประโยคเหล่านี้ เราสามารถตอบได้ว่า
I come from a big family.
(ฉันมาจากครอบครัวขนาดใหญ่)
ในกรณีมาจากครอบครัวขยายมีปู่ย่าตายายครบแบบสังคมชนบท
I come from a medium-sized family.
(ฉันมาจากครอบครัวขนาดกลาง)
ในกรณีที่มาจากครอบครัวที่อาจมีแค่ 4-5 คนในครอบครัว
I come from a small family.
(ฉันมาจากครอบครัวขนาดเล็ก)
ในกรณีที่มาจากครอบครัวแบบสังคมเมือง มีแค่ 2-3 คน ในครอบครัว
เมื่อถามเรื่องครอบครัวแล้ว ก็ชวนคุยต่อเลยว่ามีพี่น้องกี่คนกันนะ
Do you have any brothers and sisthers?
(คุณมีพี่ชาย/น้องชาย หรือพี่สาว/น้องสาว ไหมคะ)
ซึ่งอาจจะได้คำตอบว่า
Yes, I do
(ค่ะ มีค่ะ)
No, I don’t. I’m an only child.
(ไม่ค่ะ ไม่มีพี่น้อง ฉันเป็นลูกคนเดียวค่ะ)
ซึ่งหากเป็นกรณีที่มีพี่น้อง เราอาจจะชวนคุยต่อไปอีกได้ว่ามีพี่น้องกี่คนและแต่ละคนอายุเท่าไรได้ดังประโยคนี้
How many brothers and sisters do you have?
(คุณมีพี่ชายและพี่สาวกี่คนคะ?)
I have one sister and one brother.
(ฉันมีพี่สาวหนึ่งคนและพี่ชายหนึ่งคนค่ะ?)
How old are they?
(พวกเขาอายุเท่าไรกันบ้างหรือคะ?)
My sister is 20 and my brother is 23.
(พี่สาวของฉันอายุยี่สิบ และพี่ชายอายุยี่สิบสามค่ะ?)
นอกจากนี้ หากอยากคุยอีกสักหน่อย เราก็ยังอาจจะถามเจาะลึกลงไปถึงอาชีพของพ่อแม่ของเพื่อนอีกก็ได้ ดังประโยคต่อไปนี้
What do your parents do?
(พ่อแม่ของคุณทำอาชีพอะไรคะ?)
ซึ่งอาจจะตอบได้ดังนี้ หากเราเป็นผู้ถูกถาม
My father is a doctor and my mother is a nurse.
(คุณพ่อเป็นหมอส่วนคุณแม่เป็นพยาบาลค่ะ)
My parents are retired.
(คุณพ่อและคุณแม่ท่านเกษียณแล้วค่ะ)
ข้อสังเกต หาก Parent เติม s แปลว่า พูดถึงทั้งพ่อและแม่ แต่หากไม่เติม s จะหมายความถึงเพียงพ่อหรือแม่เท่านั้น