I คือ สรรพนามที่เป็นประธานของประโยค (Subject Pronouns) หมายถึง ตัวเราเป็นผู้กระทำ เช่น
I will give him a call, if I can find him number. (ฉันจะโทรหาเขา ถ้าฉันหาเบอร์เขาเจอนะ)
I like it! (ฉันชอบมัน)
He and I will meet at the gym. (เขาและฉันจะเจอกันที่ยิม)
** I จะใช้ตัวใหญ่เสมอไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของประโยค
Me คือ สรรพนามที่เป็นกรรมของประโยค (Object Pronouns) ใช้เมื่อการกระทำนั้นทำเพื่อตัวเรา หรือตัวเราเป็นผู้ถูกกระทำ เช่น
She invited me. (เธอชวนผม)
My mother gave me five hundred thousand baht. (แม่ให้เงินฉัน 500,000 บาท)
Myself คือ สรรพนามที่สะท้อนถึงตัวเอง (Reflexive Pronoun) มักจะใช้แทนที่ me หรือ I ซึ่งจะทำให้ประโยคมีน้ำหนักมากขึ้น จำง่าย ๆ ว่า จะใช้ myself ได้ก็ต่อเมื่อประธานของประโยคเป็น I เช่น
I cut myself. (ฉันทำมีดบาดตัวเอง)
ประโยคนี้ myself เป็นกรรมตรง (direct object) และสะท้อนกลับไปที่ประธานของประโยคซึ่งคือ I
นอกจากนี้ myself ยังสามารถใช้เป็นคำสรรพนามเสริมบท (Intensive Pronoun) เพื่อเน้นย้ำประโยคให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกด้วย เช่น
I myself unlocked the door. (ฉันไขประตูด้วยตัวฉันเอง)
ในประโยคนี้ myself เน้นย้ำความสำคัญของสรรพนาม I
My และ Mine มีความหมายว่า “ของฉัน” เหมือนกันก็จริง แต่มีหน้าที่และการใช้ต่างกันเล็กน้อย
My คือ คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive Adjective) หลัง My จะต้องตามด้วยคำนามที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของเสมอ เช่น
I like my job very much. (ฉันชอบงานของฉันมาก ๆ)
It’s my life. (มันคือชีวิตของฉัน)
Yesterday was my birthday. (เมื่อวานเป็นวันเกิดของฉัน)
Mine เป็นสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive Pronouns) โดย Mine ไม่ต้องมีคำนามมาตามหลัง เช่น
That bag is mine. (กระเป๋านั่นคือของฉัน)
This is Nid’s book, not mine. (นี่คือหนังสือของนิด ไม่ใช่ของฉัน)