การที่ประจำเดือนมีสีชมพู บ่งบอกว่าคุณอาจจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ต่ำ ซึ่งอาจเกิดจากการที่คุณออกกำลังกายมากเกินไป หรืออาจมีภาวะโภชนาการบกพร่อง ภาวะมีถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome) ตลอดจนเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน และเนื่องจากเอสโตรเจนนั้นมีผลต่อการทำงานของระบบภายในร่างกายหลายๆ ระบบ เช่น ช่วยให้เกล็ดเลือดไม่เกาะกลุ่มกันในระบบเลือด มีผลต่อการดูดซึมแคลเซียมซึ่งส่งผลต่อกระดูก ดังนั้น หากฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำลง ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนมากขึ้นได้ ดังนั้น หากพบว่าประจำเดือนมีสีผิดปกติไปในลักษณะนี้ คุณก็ควรสำรวจพฤติกรรมของตนเอง อย่าหักโหมออกกำลังมากเกินไป และพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนด้วย
ประจำเดือนสีจางเป็นอาการของโรคโลหิตจาง กรณีนี้สันนิษฐานได้ว่าอาจเกิดจากภาวะขาดสารอาหาร และถ้าก่อนหน้านี้คุณมีประจำเดือนมามากผิดปกติ ก็อาจส่งผลให้มีภาวะขาดธาตุเหล็กในเวลาต่อมา ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประจำเดือนมีสีจางได้ โดยจากการศึกษาวิจัยในกลุ่มผู้หญิงชาวฟินแลนด์ จำนวน 236 คน ที่มีประจำเดือนมามากผิดปกติ พบว่า 27 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดมีภาวะขาดธาตุเหล็ก และ 60 เปอร์เซ็นต์เป็นโรคโลหิตจางรุนแรง หากพบว่าประจำเดือนของคุณจางผิดปกติไป และน่าจะมาจากสาเหตุดังกล่าว คุณสามารถรับประทานอาหาร เช่น ตับ ผักใบเขียว เพื่อเพิ่มธาตุเหล็กได้
ในกรณีที่ประจำเดือนของคุณมีสีน้ำตาลเข้ม อาจมาจากเลือดเก่าหรือส่วนของเยื่อบุโพรงมดลูกที่คั่งค้างอยู่เพิ่งถูกขับออกมา หรือบางครั้งที่เลือดหนืดไหลออกมาอย่างช้าๆ เนื่องจากการดื่มน้ำเย็นหรืออยู่ในที่อากาศเย็น เลือดจึงมีเวลาในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ก็เป็นสาเหตุให้เลือดกลายเป็นสีน้ำตาลหรือดำได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังอาจสันนิษฐานได้ว่ามีพังผืดบริเวณช่องคลอดหรือมดลูกได้หากประจำเดือนมีสีเช่นนี้เกิน 3 วันขึ้นไป ถ้าสาเหตุมาจาก 2 ข้อแรก ก็ไม่ต้องกังวล เพราะมันจะหายไปเอง แต่ถ้าเข้าข่ายความเป็นไปได้ในข้อสุดท้ายก็ควรปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด
การมีก้อนเลือดหลุดออกมาพร้อมกับประจำเดือนอาจเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าก้อนเลือดนั้นมีขนาดใหญ่กว่าปกติ นั่นคือสัญญาณบ่งชี้ว่าคุณมีระดับของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ต่ำและมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง ถือได้ว่าฮอร์โมนอยู่ในระดับที่ไม่สมดุล คำแนะนำก็คือให้ลองลดการรับประทานนมถั่วเหลืองและน้ำตาล จากนั้นสังเกตว่าลักษณะประจำเดือนเปลี่ยนไปในทางปกติหรือไม่ หากประจำเดือนยังมีลักษณะผิดปกติอยู่ สาเหตุที่เป็นไปได้อีกประการหนึ่งก็คือ การมีเนื้องอกในมดลูก แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณก็จะมีอาการเจ็บปวดเป็นสัญญาณเตือนร่วมด้วย
ลักษณะสีของประจำเดือนเช่นนี้ อาจไม่ค่อยพบเห็นเท่าไรนัก นั่นเพราะประจำเดือนที่มีสีแดงและเทาปนกัน บ่งชี้ว่าคุณอาจมีการติดเชื้อ เช่น กามโรค (STD/STI) ซึ่งกรณีนี้จะมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย นอกจากนี้การแท้งบุตรก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประจำเดือนมีสีผิดปกติเช่นนี้ หากมีแนวโน้มหรือความเป็นไปได้ที่คุณจะคลอดก่อนกำหนด ก็ควรพบแพทย์โดยด่วน
เลือดสีแดงสดบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี ดังนั้น หากประจำเดือนของคุณมีสีแดงก็แสดงว่าร่างกายของคุณอยู่ในสภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม ความปกติของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน คุณจึงต้องคอยสำรวจตัวเองอยู่เสมอว่าสีของประจำเดือนมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างหรือไม่ และถึงเวลาที่ควรจะต้องปรึกษาแพทย์แล้วหรือยัง
ภาพปก : Shutterstock