Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ม้า

Posted By Plookpedia | 09 ส.ค. 60
39,739 Views

  Favorite

ม้า

      ในสมัยโบราณคนรู้จักนำสัตว์มาเลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร เพื่อช่วยในการทำงาน สัตว์เลี้ยงประเภทสัตว์ใหญ่ ได้แก่ ช้าง ม้า โค กระบือ สมัยที่คนยังไม่มีเครื่องจักร เครื่องยนต์ให้ทุ่นแรงคนก็ได้อาศัยสัตว์เหล่านี้ทำงานประเภทหนัก เช่น ใช้ช้างลากซุง ใช้ม้าขับขี่ เดินทางทั้งในระยะทางใกล้ ๆ และระยะทางไกล ๆ ใช้โค กระบือ ไถนา นวดข้าว ในยามศึกสงครามก็ใช้ม้า ใช้ช้าง ขับขี่รบพุ่งใน สนามรบ การค้าขายและการเดินทางไปมาหาสู่กันจากเมืองหนึ่งไปยังเมืองหนึ่งหนทางที่ไปนั้นอาจต้องข้ามภูเขา ผ่านป่า ข้ามลำห้วย ลำธาร การใช้ม้าเป็นพาหนะขับขี่และขนสัมภาระจะสะดวกและรวดเร็วกว่าการเดินเท้าและแบกหามสัมภาระโดยใช้แรงคนเนื่องจากม้าเป็นสัตว์รวดเร็วปราดเปรียวกว่าช้างและโค กระบือ คนจึงนิยมใช้ม้าเป็นพาหนะขับขี่ บ้านเมืองเราโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครสมัยที่ผู้คนมีรถยนต์ใช้ไม่มาก มีถนนน้อยสายแต่ละสายก็ไม่กว้างนาน ๆ จะมีรถยนต์แล่นผ่าน มีรถรางวิ่งเป็นรถประจำทางในถนนบางสาย ชีวิตประจำวันในการเดินทางของผู้คนสมัยนั้นส่วนใหญ่จะใช้การเดินเท้า ผู้มีฐานะค่อนข้างดีก็จะนั่งรถม้าไปทำงาน ลูกหลานนั่งรถม้าไปโรงเรียน รถม้าประเภทนี้ปัจจุบันยังมีใช้อยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

 

ม้า

 

      ปัจจุบันนี้ยังคงมีการเลี้ยงม้ากันตามความต้องการของแต่ละหน่วยงาน ภาคเอกชนนิยมเลี้ยงไว้ใช้ในการกีฬา เช่น กีฬาแข่งม้า กีฬาโปโล กีฬาขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวาง และเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ม้าดี ๆ ไว้เพื่อจำหน่ายเป็นสินค้า ภาครัฐบาลยังมีการเลี้ยงม้าสำหรับใช้ในราชการ เช่น เลี้ยงไว้ฝึกใช้ในกิจการทหารม้า ตำรวจม้า และเลี้ยงม้าไว้ใช้ในการผลิตวัคซีน เซรุ่ม ผู้ที่มีอาชีพจัดการแสดงละครสัตว์ก็นิยมเลี้ยงม้า ฝึกม้าไว้แสดงละครสัตว์ เช่น การวิ่งแบบต่าง ๆ เต้นระบำตามจังหวะเสียงเพลง แสดงการขี่ม้าผาดโผน  สถานที่เลี้ยงม้าส่วนใหญ่จะอยู่ในชนบทเพราะมีบริเวณกว้างขวาง อากาศดี มีทุ่งหญ้าที่เหมาะกับการปลูกหญ้าไว้เป็นอาหารม้า ประเทศไทยมีการเลี้ยงม้าที่แพร่หลาย คือ ที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครราชสีมา มีคอกม้าบำรุงพันธุ์ม้าเพื่อใช้ในกิจการที่ต้องการ

 

ม้า
ม้า

 

 

 

 

      ม้าเป็นสัตว์ที่คนนำมาเลี้ยงไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว ม้าจึงเปรียบเหมือนสมาชิกภายในบ้านเป็นทั้งผู้รับใช้และเป็นทั้งเพื่อนไปในตัว ม้าเป็นสัตว์ตระกูลสูงที่มีประโยชน์ทั้งในเวลาปกติและในเวลาสงครามสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้รักษาเอกราชและความเป็นไทของชาติไทยไว้ให้กับคนรุ่นหลังก็ได้อาศัยม้าไว้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขี่ออกรบเพราะในสมัยก่อนไม่มียวดยานพาหนะและทางคมนาคมก็ไม่สะดวกอย่างในสมัยนี้

 

ม้า
อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่วงเวียนใหญ่

 

      พันธุ์ม้ามีอยู่ประมาณ ๑๗๐ พันธุ์ แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ ม้าและโพนี่ โดยใช้ความสูงเป็นตัวแบ่ง ถ้าสูงกว่า ๑๔.๒ แฮนด์ เรียกว่า ม้า ส่วนที่ต่ำกว่า ๑๔.๒ แฮนด์ เรียกว่า โพนี่ กลุ่มที่เรียกว่า ม้า ยังแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ ม้างานและม้าขี่  ม้างานอาจเรียกว่าม้าเลือดเย็น ม้าขี่เรียกว่าม้าเลือดอุ่น แต่ทั้งม้าเลือดเย็นและม้าเลือดอุ่นต่างก็มีอุณหภูมิร่างกายเท่ากัน คือ ๑๐๐.๕ องศาฟาเรนไฮต์ หรือ ๓๘ องศาเซลเซียส  

      ม้าใช้งานจะมีรูปร่างใหญ่ แข็งแรง ลำตัวหนาเหมือนวัว นิสัยสงบเงียบ ส่วนม้าใช้ขี่รูปร่างเพรียว กระดูกสมส่วน นิสัยคล่องแคล่วว่องไว รูปร่างของม้าโพนี่ที่ดีเมื่อดูแล้วจะต้องได้สัดส่วนและสมดุล เราอาจสังเกตดูนิสัยม้าได้จากนัยน์ตาม้าถ้าตาเล็กนิสัยจะไม่ดีโดยธรรมชาติม้าจะมีนิสัยตื่นตกใจง่าย ดังนั้นเราจะต้องเข้าหามันด้วยความนุ่มนวล เมื่อม้าทำผิดเราจะต้องทำโทษทันทีมิฉะนั้นมันจะจำไปตลอดและลืมยาก แต่เมื่อทำดีเราจะต้องชมโดยตบที่คอเบา ๆ นิสัยไม่ดีของม้าใช่มีมาแต่กำเนิดแต่เกิดจากสิ่งแวดล้อมในภายหลังเราสามารถจะแก้ได้โดยอาศัยคนเลี้ยง คนเลี้ยงม้าที่ดีจะต้องเป็นคนเงียบ เรียบร้อย มีความเมตตาต่อสัตว์ไม่ลุกลี้ลุกลนทำอะไรต้องสม่ำเสมอและมั่นคง

ม้าที่ใช้งานในประเทศ ในปัจจุบันมี ๓ ชนิด

๑. ใช้ในกิจการแข่งม้าและการกีฬา
๒. ใช้ในกิจการทหาร 
แบ่งตามลักษณะการใช้งานเป็น ๓ ประเภท
      ๒.๑ ใช้ในพิธีแห่นำตามเสด็จ
      ๒.๒ ใช้ในการฝึกสอนทหาร
      ๒.๓ ใช้ในการขนส่งอุปกรณ์ทางทหารในพื้นที่ฯ ที่ยานพาหนะทางบกอื่น ๆ กระทำได้ยากโดยใช้ทั้งม้าและล่อ (ล่อ : เป็นสัตว์ที่เกิดจากการผสมของม้าและเวลาเป็นสัตว์ที่มีความแข็งแรง ฉลาดและอดทน)
๓. ใช้ในกิจการผสมพันธุ์ เพื่อขายเป็นม้าแข่ง ได้แก่ การทำฟาร์มม้าพันธุ์ดี
 
ม้า

 

      ม้าใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างเป็นต้นว่าใช้ขี่บรรทุก ลากเข็นเทียมรถ และใช้ในการสงคราม ปัจจุบันบ้านเมืองเจริญขึ้นสะดวกสบายในการใช้รถใช้ถนน การใช้ม้าจึงลดลงเหลือแต่ใช้ขี่เพื่อการกีฬา ความเพลิดเพลิน ใช้เข้าร่วมในพิธีสำคัญ ๆ บางอย่าง เพื่ออนุรักษ์ของเดิมไว้และใช้ในการแสดงละครสัตว์ในประเทศไทย  ภาคเอกชนเลี้ยงม้าไว้เพื่อการกีฬา เช่น กีฬาแข่งม้า กีฬาโปโล กีฬาขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวางขี่เพื่อความบันเทิงและเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ม้าดีไว้จำหน่าย ภาครัฐบาลเลี้ยงม้าไว้ฝึกใช้ในกิจการทหารม้าและตำรวจม้าเพื่อเข้าร่วมพิธีต่าง ๆ ที่สำคัญ ม้าทหารยังใช้ในการฝึกสอนการขี่ม้าให้แก่ทหารและใช้ผสมพันธุ์กับลาเพื่อผลิตล่อใช้บรรทุกสิ่งของสัมภาระในที่ทุรกันดารหรือภูเขาที่ทางรถยนต์เข้าไปไม่ถึง สภากาชาดไทยเลี้ยงม้าไว้ใช้ในการผลิตวัคซีน เซรุ่ม  ส่วนใหญ่เราใช้ม้าเพื่อวิ่ง ดังนั้นสิ่งสำคัญของม้า คือ ขา ความอดทนแข็งแรงของขาและเท้าของม้าจะต้องตั้งตรงมีมุมของเท้าที่เหมาะสม ม้าขายาวจะเล็กไม่มั่นคงเวลายืนหรือวิ่ง ขาหลังเหมือนเครื่องยนต์ในการส่งกำลังดันตัวม้าไปข้างหน้า ส่วนขาหน้าซึ่งติดกับร่างกายด้วยกล้ามเนื้อและเอ็นจะเป็นตัวลดแรงกระแทก ไหล่ม้าควรจะยาวลาดเอียงถ้าไหล่ตรงจะวิ่งไม่ทน อกต้องลึก กว้าง และมีกล้ามเนื้อกระดูกซี่โครงยืดหยุ่นได้ดี เพื่อให้พื้นที่สำหรับหัวใจและปอดทำงานได้เต็มที่ถ้าอกตื้นขาลีบปอดม้าจะทำงานไม่เต็มที่  หลังจะต้องตรง กว้าง แข็งแรง ม้าหลังสั้นจะขี่สบายแต่วิ่งไม่เร็ว ม้าหลังยาวจะไม่แข็งแรง ม้าคอยาวจะแข็งแรงได้สัดส่วนในการรับศีรษะ ถ้าม้าคอหนาเหมือนคอแกะจะเอี้ยวคอไม่สะดวก หน้าม้าจะต้องกว้างถ้าหน้าแคบช่องลมหายใจจะเล็ก รูจมูกต้องกว้างเพื่อให้ลมผ่านเข้าออกได้สะดวก หูจะต้องใหญ่และตอบสนองต่อเสียงได้ดี ม้าที่สะบัดหูไปมาบ่อยครั้งจะเป็นม้าที่ตื่นกลัวง่าย ม้าที่หูลู่ไปข้างหลังมากจะเป็นม้าที่ดุร้าย นัยน์ตาม้าจะต้องดูแจ่มใสมีแววของความเป็นมิตร ม้าที่ตาเล็กตาคล้ายเหยี่ยวจะเป็นม้าที่นิสัยไม่ดี เมื่อเราดูแต่ละจุดของตัวม้าแล้วก็ดูทั้งตัวม้าจะต้องดูแข็งแรงกลมกลืนกันทุกส่วน สุดท้ายก็ดูการเคลื่อนไหวขาต้องตรงและเคลื่อนไหวอย่างมีจังหวะ 
 
ม้า
การฝึกหัดขี่ม้า(๒) ล่อ เป็นสัตว์ที่เกิดจากการผสมระหว่าง พ่อลา และแม่ม้า ล่อเป็นหมันใช้ผสมพันธุ์ไม่ได้

 

ม้า
ม้าไทยที่นำมาใช้ประโยชน์ในกิจการแพทย์โดยนำมาทำเซรุ่มแก้พิษงู


      ม้าเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มีสีขนมากมายจนบางครั้งทำให้ยุ่งยากในการเรียกให้ถูกต้อง สีที่เรียกอย่างเดียวกันก็ยังมีสีอ่อน สีแก่หรือสีเดียวกันแต่สีของขนแผงคอและหางต่างกันก็เรียกชื่อต่างไปอีก ลูกม้าบางตัวเมื่อแรกเกิดสีจะไม่เหมือนเมื่อมันโตขึ้น คนไทยเราแบ่งสีม้าออกได้เป็น ๓ ประเภท คือ สีล้วน สีแซม และสีผ่าน

สีล้วน 

      คือ ม้าที่มีสีเดียวทั่วทั้งตัวจะมีสีผิดกันบ้างเล็กน้อยบางแห่ง ได้แก่ สีดำ สีแดง (ตัวสีน้ำตาล แผงคอ หาง สีดำ) สีน้ำตาล สีเหลือง (สีขิงน้ำตาลแดงหรือสีตับ) สีจันทร์ (สีเหลืองอ่อน) สีลาน (สีใบลานคล้ายสีจันทร์แต่แผงคอ หางสีดำ หลังมีทางยาวสีดำซึ่งเรียกว่า บรรทัดหลังเหล็ก) สีสังข์ (ตัวสีทองสุก แผงคอ หางสีขาว) และสีเผือกซึ่งหายากเพราะเป็นความผิดปกติของผิวหนัง

สีแซม 

      คือ ม้าที่มีขนสีดำและขาวขึ้นปนกันทั้งตัว ผิวหนังสีดำแต่ถ้าแซมระหว่างสีขาวกับดำหรือน้ำตาลดำหรือน้ำตาลหรือสีขิงและมีบรรทัดหลังเหล็กจะเรียกว่า สีปลั่ง

สีผ่าน 

      คือ ม้าที่มีสองสีหรือมากกว่า พื้นเป็นสีขาวถ้ามีสีดำปนก็เรียกว่า ผ่านดำ ถ้ามีสีอื่น เช่น สีเหลือง สีแดง ก็เรียกผ่านเหลือง ผ่านแดง
 
      การให้อาหารแก่ม้าควรจะให้จำนวนน้อยแต่บ่อยครั้ง ที่นิยมให้กัน คือ ๒ ครั้งต่อวันเวลาที่ให้ต้องเป็นเวลาเดียวกัน การให้อาหารมากน้อยขึ้นอยู่กับพันธุ์ม้า อายุ  สภาพร่างกายและการทำงาน ม้าพันธุ์ดีจะกินอาหารมากกว่า ม้าอายุมากต้องการอาหารข้นมากกว่าม้าอายุน้อย ม้าที่ใช้งานหนักย่อมต้องการอาหารมากกว่าม้าที่ไม่ทำงาน  หญ้าสดจะต้องมีให้ม้ากินทุกวันโดยเสริมจากหญ้าแห้ง น้ำต้องเป็นน้ำสะอาดและมีให้ม้ากินตลอดเวลา  การแปรงขนต้องทำทุกวัน การแปรงขนทำให้ม้าดูสวยงามและสะอาดแล้วยังช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิตทำให้ผิวหนังกล้ามเนื้อสมบูรณ์ การอาบน้ำม้าควรอาบทุกอาทิตย์  ม้าเป็นสัตว์ที่ต้องใส่เกือกเพื่อป้องกันอันตรายในการสัมผัสกับพื้นที่แข็งปกติแล้วเราควรเปลี่ยนเกือกม้าทุกเดือน

 

ม้า
ลักษณะของคอกม้าที่ถูกสุขลักษณะ คือ : 
ก. เป็นเรือนโปร่ง
ข. มีทางเดินภายในกว้าง
ค. มีท่อระบายของเสีย
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow