Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

งา

Posted By Plookpedia | 09 ส.ค. 60
1,845 Views

  Favorite

งา 

      "กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้" เป็นสุภาษิตพื้นเมืองที่แสดงให้เห็นความคุ้นเคยของคนไทยที่มีต่องาในอดีตและได้นำเอาเมล็ดงามาประกอบอาหารและขนมหวานมากมายหลายชนิด นอกจากนั้นยังได้น้ำมันงาที่สกัดใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง ยารักษาโรค ตลอดจนในพิธีทางศาสนาและประเพณีพื้นบ้านทั่ว ๆ ไป งามีถิ่นกำเนิดในภาคตะวันออกของทวีปแอฟริกาและได้แพร่ขยายเข้ามาสู่ทวีปเอเชียและทั่วโลก มีหลักฐานเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากงาในประเทศอิหร่านตั้งแต่สมัย ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว บางครั้งก็ใช้เมล็ดงาแทนเงินตราและในบันทึกการเดินทางสู่ประเทศจีนของมาโคโปโลก็ได้กล่าวถึงงาไว้ด้วย ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกงา ๒๘๓,๐๐๐ ไร่ ได้ผลิตผล ๒๗,๐๐๐ ตัน ทำรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกเป็นเงิน ๒๕๒ ล้านบาท นอกจากใช้บริโภคภายในแล้วก็ยังส่งออกจำหน่ายต่างประเทศปีละประมาณ ๑๐,๐๐๐ - ๑๕,๐๐๐ ตัน งาปลูกกันมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
      งาจัดอยู่ในวงศ์ (Family) Pedaliaceae และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum indicum L. ได้มีการปลูกงามาเป็นเวลานานในหลายประเทศทำให้ต้นงามีความแตกต่างกันมากในด้านความสูง รูปร่าง การแตกกิ่ง ขนาด สีของลำต้น ใบ และเมล็ด แต่โดยทั่วไปแล้วงาจัดเป็นพืชล้มลุก (พืชอายุสั้นไม่เกินปี) มีรากแก้วที่เติบโตได้รวดเร็วและหยั่งลึกลงไปถึง ๒ - ๓ เมตร มีรากแขนงและรากฝอย แตกออกมาเป็นจำนวนมากทำให้งาเป็นพืชที่มีความทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี  ลำต้นตั้งตรงสูงตั้งแต่ ๖๐ เซนติเมตร ถึง ๒ เมตร ลำต้นเป็นรูปเหลี่ยมบางพันธุ์ก็แตกกิ่งย่อยออกไป ลำต้นมีสีเขียวหรือม่วงมีทั้งมีขนและไม่มีขน ใบงาเกิดขึ้นตรงข้อของลำต้น ใบที่เกิดจากโคนต้นมีขนาดใหญ่รูปกลมปลายแหลมขอบใบกลมหรือเว้า บางพันธุ์ขอบใบเป็นรูปฟันเลื่อย ใบที่เกิดจากส่วนกลางของลำต้น มีขนาดปานกลางและใบที่เกิดจากส่วนยอดมีขนาดเล็ก ปลายเรียวแหลมเป็นรูปหอก ผิวใบมีขน และเมือกเหนียวติดอยู่ ดอกออกจากต้นตรงข้อใบจำนวน ๑ หรือ ๓ ดอกต่อข้อกลีบดอกติดกันเป็นหลอด ตอนปลายแตกออกเป็นห้ากลีบมีสีขาวหรือชมพูอ่อนหรือม่วง ภายในกลีบดอกมีจุดสีม่วงหรือเหลือง ดอกบานในตอนเช้าและเหี่ยวร่วงในตอนบ่าย ดอกที่ได้รับการผสมเกสรจะพัฒนาเป็นฝักกลมปลายแหลมยาว ๕ - ๗ เซนติเมตร กว้าง ๑ - ๒ เซนติเมตร ฝักแบ่งออกเป็น ๒ หรือ ๔ พู แต่ละพูมี ๑ - ๒ กลีบ เมื่อสุกแก่ฝักแตกอ้าออกตรงรอยต่อของพูเมล็ดติดอยู่กับผนังภายในของเปลือก เมล็ดงามีขนาดเล็กค่อนข้างกลมรูปไข่ น้ำหนักต่อ ๑,๐๐๐ เมล็ด ประมาณ ๒ - ๔ กรัม เปลือกหุ้มเมล็ดมีทั้งสีขาว สีเหลือง สีน้ำตาล สีเทา หรือดำ เมล็ดงามีโปรตีนร้อยละ ๑๘ - ๒๕  น้ำมันร้อยละ   ๔๐ - ๕๐ และเป็นน้ำมันชนิดไม่อิ่มตัว สูงถึงร้อยละ ๘๕ ซึ่งจัดว่าเป็นน้ำมันที่มีคุณภาพสูงและยังมีสารป้องกันการเหม็นหืนอยู่ด้วย ทำให้เก็บไว้ได้นานขึ้น  งาเจริญเติบโตได้ดีในเขตที่มีอากาศร้อนและค่อนข้างแห้งแล้ง แต่เมื่อมีฝนตกชุกหรือมีน้ำขังแฉะจะเกิดโรคหลายชนิดทำให้ใบร่วง โคนและลำต้นเน่าตาย  ดังนั้นเกษตรกรจึงนิยมปลูกงาเฉพาะในช่วงต้นและปลายฤดูฝนเท่านั้นโดยเลือกปลูกบนที่ดอนซึ่งมีดินอุดมสมบูรณ์และระบายน้ำได้ดี พันธุ์งาที่กรมวิชาการเกษตรแนะนำมี ๒ พันธุ์ คือ พันธุ์ร้อยเอ็ด 1 และพันธุ์มหาสารคาม 60

 

งา
แปลงปลูกงา

 

งา
ต้นงากำลังออกดอก 

 

      เกษตรกรเริ่มเตรียมดินปลูกงาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ในฤดูแล้ง เมื่อมีฝนแรกตกในเดือนมีนาคมหรือเมษายนก็จะหว่านเมล็ดงาทันที โดยใช้เมล็ดในอัตรา ๓ กิโลกรัมต่อไร่ ปนกับทรายละเอียดเพื่อให้เมล็ดกระจายออกไปอย่างสม่ำเสมอ คราดหน้าดินกลบเมล็ด เมล็ดงาจะงอกภายใน ๓ - ๕ วัน หลังจากนั้นก็จะปล่อยให้ต้นงาเจริญเติบโตอาจมีการพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชหนึ่งหรือสองครั้ง ส่วนการปลูกในปลายฤดูฝนเริ่มหลังจากเก็บเกี่ยวพืชอื่น ๆ เสร็จแล้วโดยหว่านเมล็ดในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนซึ่งมีฝนตกน้อยลง  หลังจากต้นกล้างอกแล้ว ๓๕ - ๔๕ วัน ต้นงาจะเริ่มออกดอก การออกดอกเริ่มจากโคนทยอยไปสู่ยอด มีช่วงเวลาออกดอกนานประมาณ ๒๕ - ๔๕ วัน (แล้วแต่พันธุ์) จากดอกพัฒนาเป็นฝักและสุกแก่ภายใน ๒๕ - ๓๕ วัน ฝักงาสุกแก่ไม่พร้อมกัน ฝักที่แก่ก่อนจะแตกอ้าออกทำให้เมล็ดร่วงหล่นเสียหาย ดังนั้นการเก็บเกี่ยวจึงต้องพิจารณาช่วงที่มีจำนวนฝักที่สุกแก่มากที่สุด ถ้าเก็บเกี่ยวเร็วเกินไปฝักเกิดทีหลังยังมีเมล็ดไม่สมบูรณ์ทำให้ได้ผลิตผลน้อย และมีคุณภาพต่ำแต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปฝักจะแตกทำให้เมล็ดร่วงเสียหายโดยทั่วไปงามีอายุ ๘๕ - ๑๒๐ วัน  การเก็บเกี่ยวทำได้โดยตัดต้นมากองสุมไว้และนำไปแขวนในร่ม โดยมีเสื่อหรือผ้าพลาสติกรองพื้นทิ้งไว้ ๗ - ๑๐ วัน ฝักแห้งจะแตกอ้าออกและเมล็ดร่วงตกลงมาหรืออาจใช้ไม้ตีหรือนำต้นมาเคาะกับพื้นอีกครั้งเพื่อให้ฝักแตกและเมล็ดร่วงออกจากฝักจนหมด ตากเมล็ดให้แห้งสนิท แล้วจึงเก็บไว้รอจำหน่าย

 

งา
ฝักงา  

 

งา
การตากต้นงาหลังเก็บเกี่ยว

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow