หัวใจทำหน้าที่เหมือนปั๊ม ส่งต่อเลือดไปยังทุกส่วนของร่างกาย มันไม่ได้เป็นจุดรวมความคิดความรู้สึกเหมือนกับที่ใครหลาย ๆ คนคิดกันไปเอง มันไม่เหมือนความเชื่อในอดีตหรือสิ่งที่นักประพันธ์ทั้งหลายพยายามอธิบาย ความรู้สึกอุ่นวาบกลางอกเมื่อรู้สึกดี มีความรัก ไม่ได้เกิดขึ้นจากหัวใจ แต่เกิดขึ้นจากก้อนไขมันที่มีประจุไฟฟ้าวิ่งอยู่มากมายที่เรียกว่าสมอง ส่วนหัวใจนั้นประกอบไปด้วยเซลล์ที่มีความพิเศษจำนวนมากทำงานร่วมกัน เซลล์ที่มีความพิเศษนี้เกิดอาการกระตุกได้ด้วยตัวเอง มันเริ่มต้นจากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell) ซึ่งมีคุณสมบัติในการแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนตัวเองได้ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นเซลล์อื่นที่ทำหน้าที่หลากหลายได้ และตอนนี้นี่เองที่เซลล์ต้นกำเนิดเซลล์หนึ่งเริ่มทำหน้าที่ของมัน ในฐานะเซลล์ต้นกำเนิดของหัวใจ มันเริ่มกระตุกได้ด้วยตัวเองตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ และจะสามารถเห็นได้ชัดเมื่อเป็นกลุ่มเซลล์ที่มีจำนวนมากขึ้น และเริ่มจับตัวกันเป็นรูปร่างอวัยวะมากขึ้น โดยเริ่มเห็นและสามารถตรวจจับสัญญาณการเต้นด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้เมื่อครรภ์มีอายุ 6-8 สัปดาห์ ทารกมีหัวใจก่อนที่จะมีแขนขาด้วยซ้ำ และนั่นยืนยันถึงความสำคัญของหัวใจได้เป็นอย่างดี
หัวใจถูกพบได้ในสัตว์ที่มีระบบหมุนเวียนเลือด ไม่ว่าจะเลือดอุ่นหรือเลือดเย็นก็ตาม หัวใจของคนเราหรือสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังประกอบด้วยเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โดยกล้ามเนื้อหัวใจเป็นกล้ามเนื้อซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของจิตใจเรา มันเต้นได้ด้วยตัวของมันเองและคุณไม่สามารถหยุดมันได้ หัวใจคนเราแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ 4 ห้อง ห้องแรกรับเลือดจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งต่อให้ห้องสองซึ่งจะส่งเลือดไปรับออกซิเจนที่ปอด ห้องที่สามรับเลือดกลับมาจากปอดก่อนจะส่งให้ห้องสุดท้ายเพื่อสูบฉีดไปส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ประเด็นหัวใจกลายสภาพเป็นหินไม่ได้อยู่ที่การทำงานของหัวใจและเซลล์ต่าง ๆ ของมัน มันเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีแร่ธาตุเกินความจำเป็นและแร่ธาตุเหล่านั้นไปอยู่ผิดที่ผิดทาง แร่ธาตุอย่างแคลเซียมหรือฟอสเฟตช่วยให้กระดูของคุณแข็งแรง แต่บางครั้งมันอาจไปเกาะอยู่ที่เซลล์หัวใจได้ มันเกิดขึ้นหลังจากเกิดอาการหัวใจวาย (Heart Attack) และร่างกายพยายามซ่อมแซมและป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดขึ้นอีก การซ่อมแซมตัวเองของหัวใจนี้ไม่ได้ทำให้แข็งแรงขึ้นจริง แต่มันทำให้กล้ามเนื้อหัวใจลดความยืดหยุ่นลง เนื่องจากแคลเซียมที่มาเกาะอยู่ตามเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจทำให้มันแข็งขึ้นและเกิดอันตราย ไม่เพียงแต่เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจจะขาดความยืดหยุ่น และไม่สามารถปั๊มเลือดไปส่วนต่าง ๆ หรือส่งต่อระหว่างห้องหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การส่งกระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นการส่งสัญญาณระหว่างกล้ามเนื้อเพื่อให้เกิดการเต้นของหัวใจยังไม่เหมือนเดิม ซึ่งทำให้หัวใจมีอัตราการเต้นที่ไม่สม่ำเสมอ ท้ายที่สุดแล้วเซลล์ที่มีแคลเซียมมาเกาะก็จะเริ่มขาดอาหาร ขาดออกซิเจน และเริ่มตาย
การที่ร่างกายของเราพยายามซ่อมแซมตัวเองเช่นนี้ช่างเหมือนกับฝันร้าย เพราะความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองที่ผิดที่ผิดทาง และยังทำตัวเหมือนเซลล์กระดูกด้วยการพัฒนาคุณสมบัติสะสมแร่ธาตุ เช่น แคลเซียมเอาไว้ ทำให้หัวใจกลายเป็นหินเนื่องจากการพอกตัวของแร่ธาตุ จึงกลายเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ ในตอนนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังหาวิธีการใช้เซลล์ตั้งต้นของหัวใจเพื่อแก้ไขโดยการปลูกถ่ายเซลล์ตั้งต้นเพิ่มเข้าไป ให้มันทำงานแทนเซลล์ที่กำลังจะกลายเป็นหิน