ลักษณะทางคลินิกของโรค
ลักษณะทางคลินิกของโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์มีได้หลากหลาย ในผู้ป่วยแต่ละรายก็มีความแตกต่างกัน แม้ในผู้ป่วยคนเดียวกัน แต่ต่างเวลากัน ก็มีลักษณะทางคลินิกที่แตกต่างกัน การเริ่มต้นของโรคมักค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ บางรายมาพบแพทย์ด้วยอาการของโรคที่เป็นข้ออักเสบหลายข้อเฉียบพลัน ส่วนอาการข้ออักเสบเฉียบพลันข้อเดียว มักไม่ค่อยพบในระยะแรกของโรค การพบข้อที่เป็นแบบสมดุลทั้ง ๒ ซีกของร่างกาย (ซ้าย-ขวา) มักไม่ชัดเจน แต่ในระยะที่โรคเป็นมาพอสมควรมักเห็นชัดเจนขึ้น
๑. อาการของโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ในระยะแรก
สามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ แบบดังนี้
๑) อาการเริ่มต้นข้ออักเสบแบบค่อยเป็นค่อยไป
การเริ่มต้นของโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ ที่เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ พบร้อยละ ๕๐ - ๗๐ อาจมีอาการเฉพาะที่ข้อ หรือมีอาการของร่างกายอย่างอื่นร่วมด้วย ได้แก่ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดเมื่อย ปวดกล้ามเนื้อและกระดูก
๒) อาการเริ่มต้นข้ออักเสบแบบเฉียบพลัน
การเริ่มต้นของโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ที่เป็นแบบเฉียบพลันพบได้ร้อยละ ๑๐ - ๑๕ ผู้ป่วยบางรายอาจมาพบแพทย ์ด้วยอาการปวดกล้ามเนื้อที่รุนแรงคล้ายกับกล้ามเนื้อขาดเลือดไปเลี้ยง การวินิจฉัยโรคที่มีอาการแบบนี้ทำได้ยาก เนื่องจาก ผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยระยะเวลาที่เป็นโรคไม่ถึง ๖ สัปดาห์ ดังนั้นควรทำการวินิจฉัยแยกโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย ที่มาพบด้วยอาการลักษณะนี้ เช่น การติดเชื้อ หลอดเลือดอักเสบ
๓) อาการเริ่มต้นแบบกึ่งเฉียบพลัน
คือเป็นอาการระหว่างแบบเฉียบพลันกับแบบค่อยเป็นค่อยไป โรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ที่เป็นแบบลักษณะนี้พบได้ร้อยละ ๒๐ โดยอาจเป็นหลายวันถึงหลายสัปดาห์ อาการของร่างกายทั่วตัวพบได้มากกว่าแบบค่อยเป็นค่อยไป
๒. อาการทางคลินิกของข้อแต่ละข้อ
การอักเสบของเยื่อบุข้อทำให้เกิดอาการทางคลินิก คือ ปวด บวม แดง ร้อน ข้อฝืดแข็ง และโครงสร้างของข้อเสียไป ทำให้เกิดข้อพิการในเวลาต่อมา ลักษณะความพิการของแต่ละข้อแตกต่างกันตามโครงสร้างและหน้าที่ของข้อนั้นๆ
๑) มือและข้อมือ
ข้อมือ ข้อโคนนิ้วมือ และข้อกลางนิ้วมือ เป็นตำแหน่งข้อที่พบการอักเสบบ่อยที่สุดในโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ ส่วนข้อปลายนิ้วมือมักไม่อักเสบ ข้อกลางนิ้วมือบวมรูปกระสวย (fusiform swelling) เป็นลักษณะเฉพาะที่พบได้ในโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ และอยู่ในระยะเริ่มแรกของโรค ระยะต่อมาข้อกลางนิ้วมือจะบวมมากขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคมานาน ข้อมือจะบวมมากและมีความพิการของมือและข้อมือดังนี้
๒) ข้อศอก
เป็นข้อซึ่งพบในระยะแรกของโรค เนื่องจากข้อนี้อยู่ใกล้ผิวหนัง ตรวจพบว่า มีเยื่อบุข้อที่หนาขึ้นทางด้านหลังของข้อศอก ซึ่งการอักเสบของข้อศอก ทำให้มุมการเคลื่อนไหวของข้อลดลง ผู้ป่วยมักไม่สามารถเหยียดข้อศอกได้ตรง หรืองอข้อศอกได้ไม่เต็มที่
๓) ข้อไหล่
โรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ที่มีอาการของเยื่อบุข้อไหล่อักเสบ จะมีผลต่อกระดูกไหปลาร้าที่เชื่อมต่อกับข้อไหล่ ถุงน้ำรอบข้อไหล่ และกล้ามเนื้อที่อยู่ในบริเวณคอและหน้าอกส่วนบน ข้อไหล่ที่อักเสบจะมีลักษณะกดเจ็บบริเวณข้อไหล่ ปวดเวลากลางคืน และมีการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ลดลง การบวมมักเห็นได้จากด้านหน้าของข้อไหล่ ซึ่งความเสียหายของข้อไหล่ ทำให้เกิดอาการปวดข้อไหล่ ทั้งขณะเคลื่อนไหวและขณะพัก
๔) ข้อเท้าและข้อนิ้วเท้า
การอักเสบของข้อเท้าและข้อนิ้วเท้าจะมีผลต่อการทำงานของร่างกาย และจะมีอาการปวดมากกว่าการอักเสบของข้อส่วนบนของร่างกาย เพราะข้อเท้าและข้อนิ้วเท้าต้องทำหน้าที่ในการรับน้ำหนัก และการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยมีข้อบวมด้านตาตุ่มในของข้อเท้า และด้านตาตุ่มนอกของข้อเท้า ความพิการที่เกิดขึ้นในตำแหน่งนี้ ได้แก่ นิ้วเท้ากระดกขึ้น ผิวหนังด้านบนของนิ้วเท้าเสียดสีกับรองเท้าทำให้เกิดแผลได้ง่าย การเคลื่อนหลุดจากตำแหน่งของหัวกระดูกโคนนิ้วเท้า ทำให้หัวกระดูกโคนนิ้วเท้ากดลงที่ฝ่าเท้า เกิดอาการปวดของผิวหนังที่ถูกกดทับ ผู้ป่วยมีอาการปวดเวลาเดิน นอกจากนี้การกดทับทำให้เกิดแผลที่ฝ่าเท้า เส้นประสาททิเบียลด้านหลัง (posterior tibial nerve) ถูกกดทับจากเยื่อบุข้ออักเสบ ทำให้เกิดอาการชาของฝ่าเท้า และอาการจะเป็นมากขึ้น เมื่ออยู่ในท่ายืนหรือเดิน
๕) ข้อเข่า
ข้อบวมจากเยื่อบุข้ออักเสบหนาตัวขึ้นและมีน้ำไขข้อมากกว่าปกติ กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าลีบและอ่อนแรงกว่าปกติ มุมการเคลื่อนไหวข้อเข่าลดลงทำให้ไม่สามารถเหยียดเข่าตรงได้ เป็นเหตุให้ข้อเข่าทำงานได้ไม่เต็มที่ รวมทั้งมุมในการเหยียดเข่าก็ลดลงและอยู่ในท่างอข้อเข่า ทำให้ความดันในข้อเข่าเพิ่มขึ้น การมีน้ำมาก และดันออกทางด้านหลังของข้อเข่า ทำให้เกิดถุงน้ำที่ข้อพับเข่า ซึ่งหากได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง ถุงน้ำอาจแตกไปที่น่อง ทำให้น่องบวมโต ผู้ป่วยบางรายที่เป็นมากและไม่เคลื่อนไหวข้อ ทำให้ข้อเข่างอพับ ไม่สามารถเคลื่อนไหวข้อได้
๖) ข้อสะโพก
ข้อสะโพกเป็นข้อที่อยู่ลึกจึงไม่สามารถตรวจว่ามีอาการบวม หรือมีการหนาตัวของเยื่อบุข้อได้ ในระยะแรกของการเป็นโรค มักไม่ค่อยมีการอักเสบของข้อสะโพก เมื่อโรคเป็นมากขึ้นจึงพบว่ามีการอักเสบ หากข้อสะโพกมีการอักเสบเรื้อรัง หัวกระดูกสะโพกจะเกิดการยุบตัว บางรายหัวกระดูกสะโพกดันเบ้ากระดูกจนหัวกระดูกสะโพกยื่นเข้าสู่ด้านใน เรียกภาวะนี้ว่า กระดูกสะโพกทะลุเบ้า (protrusio acetabuli)
๗) ข้อกระดูกสันหลัง
การเปลี่ยนแปลงของข้อกระดูกสันหลังระดับคอเป็นตำแหน่งที่พบได้บ่อยกว่ากระดูกสันหลังระดับอกและเอว อาการเริ่มแรกของผู้ป่วยที่มีการอักเสบของข้อกระดูกสันหลังระดับคอ คือ มีอาการคอฝืด คอแข็ง และเคลื่อนไหวคอได้ลำบาก อาการที่พบบ่อยในเวลาต่อมา คือ การปวดคอร้าวไปที่ท้ายทอย อาการที่พบรองลงมา คือ แขนขามีอาการอ่อนแรง พร้อมทั้งมีอาการเกร็งแข็ง และการรับความรู้สึกของมือเสียไป อาจมีอาการชาบริเวณไหล่หรือแขนขณะที่เคลื่อนไหวศีรษะ
๘) ข้อพิการ
ความพิการของข้อเกิดขึ้นจากการที่โครงสร้างของข้อเสียหาย และสิ่งที่ประกอบเป็นข้อถูกทำลายจากกระบวนการอักเสบของข้อ ข้อเล็กๆ บริเวณมือและเท้าเป็นตำแหน่งที่พบข้อพิการได้บ่อย โดยพบว่า ผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ ๑๐ มีข้อพิการของข้อเล็กๆ ภายในระยะเวลา ๒ ปีของการเป็นโรค และข้อพิการเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไป
๙) โครงสร้างข้อถูกทำลาย
การอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุข้อทำให้กระดูกอ่อนผิวข้อบางลง และกระดูกที่อยู่ใกล้ข้อกร่อนแหว่ง ซึ่งเป็นลักษณะของโครงสร้างข้อที่ถูกทำลาย ลักษณะทางคลินิกที่แสดงว่าโครงสร้างข้อถูกทำลายคือ รูปร่างของข้อเสียไป ข้อพิการ และมีการสูญเสียการทำงานของข้อ โครงสร้างที่เสียหายแล้วไม่สามารถกลับสู่สภาพปกติได้อีก และจะยิ่งเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ หลักฐานที่แสดงว่า มีการทำลายกระดูกอ่อนคือ ในการตรวจจะรู้สึกมีเสียงดังแกร๊กๆ เวลาเคลื่อนไหวข้อ หรือหากเอกซเรย์ จะพบช่องว่างระหว่างข้อหายไป
๑๐) กล้ามเนื้อที่อยู่รอบข้อลีบ
ประสิทธิภาพและกำลังของกล้ามเนื้อลดลง อาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อไม่ได้สัดส่วนกับอาการข้ออักเสบ คือ กล้ามเนื้ออ่อนแรงมากเกินไป
๑๑) ตัวร้อน
เป็นอาการที่พบได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการข้ออักเสบหลายข้อและเป็นรุนแรง
๑๒) น้ำหนักตัวลดลง
เป็นอาการที่พบได้ในช่วงที่โรคยังไม่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการเบื่ออาหาร
๑๓) ประสิทธิภาพของร่างกายลดลง
ร่างกายทำงานได้น้อยลง การทำงานของร่างกายที่ต้องใช้ข้อมากทำให้ข้ออักเสบเป็นมากขึ้นจนผู้ป่วยบางรายต้องหยุดงาน และบางรายต้องเปลี่ยนอาชีพ เนื่องจาก ร่างกายทำงานหนักไม่ได้ การทำกิจวัตรประจำวันมีประสิทธิภาพที่ลดลง เช่น การแต่งตัว การเปิด-ปิดประตู การขึ้น-ลงบันได การเดินบนพื้นราบ การลุก-นั่ง
๓. อาการทางคลินิกนอกข้อ
โรคข้ออักเสบรูมาทอยด์เป็นโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย อาการนอกข้อเป็นได้กับอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย เช่น ผิวหนัง ตา ปอด ไต หัวใจ กระดูก ระบบประสาท ระบบโลหิตวิทยา อาการนอกข้อที่พบบ่อยที่สุด คือ ปุ่มรูมาทอยด์ พบได้ร้อยละ ๕ - ๒๐ ความชุกของอาการนอกข้อเป็นไปตามความรุนแรงของโรค และระยะเวลาที่ผู้ป่วยเป็นโรค
๑) ปุ่มรูมาทอยด์ (rheumatoid nodules)
เป็นอาการนอกข้อที่พบได้บ่อยที่สุด ในคนผิวขาวพบประมาณร้อยละ ๒๐ - ๓๐ ของผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ ส่วนในคนผิวเหลืองพบน้อยกว่าคนผิวขาว สำหรับประเทศไทยพบราวร้อยละ ๔ - ๑๐
ปุ่มรูมาทอยด์เป็นปุ่มก้อนที่ผิวหนัง โดยจัดแบ่งได้เป็น ๒ ชนิด คือ ชนิดตื้น และชนิดลึก ส่วนตำแหน่งที่พบคือ ตำแหน่งกดทับ เช่น ข้อศอก ก้นกบ ศีรษะ ส้นเท้า มีลักษณะเป็นปุ่มเดียวหรือหลายปุ่ม ปุ่มมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓ - ๕ มิลลิเมตร ถึง ๒ - ๓ เซนติเมตร มักไม่เจ็บ ผู้ที่เป็นปุ่มรูมาทอยด์หลายปุ่ม มักเป็นโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ที่รุนแรงและเป็นมานาน ปุ่มรูมาทอยด์อาจเกิดขึ้นช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป หรือเกิดขึ้นทันทีทันใดก็ได้ และสามารถหายได้เอง โดยค่อยๆ ฝ่อตัวลงจนหายไปในที่สุด
๒) หลอดเลือดอักเสบ (vasculitis)
ลักษณะทางคลินิกของหลอดเลือดอักเสบในโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์มีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับขนาดของหลอดเลือดและตำแหน่งที่เป็น มักเป็นหลอดเลือดขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
๓) อาการทางตา
๔) ระบบหายใจและปอด
๕) หัวใจ
๖) ระบบประสาท
อาการทางระบบประสาทที่พบได้บ่อยในโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์มีพื้นฐานจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
อาการทางระบบประสาทที่พบบ่อยในผู้ที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์มานาน คือ มือทั้งสองข้างมีอาการชาและอ่อนแรง
๗) ระบบโลหิตวิทยา
๘) ไต
อาการทางไตจากโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์พบน้อยมาก มักพบเกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงของยาบางชนิด ที่สำคัญคือ ภาวะแอมีลอยโดสิสที่พบ ร่วมกับหลอดเลือดอักเสบและการติดเชื้อ เป็นภาวะที่คุกคามชีวิต ความผิดปกติของไตคือ มีโปรตีนมากในปัสสาวะ บางรายการทำงานของไตเสียไป เกิดภาวะไตวาย นอกจากนี้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ยังสามารถทำให้การทำงานของไตเสียได้