เราอาจเคยได้ยินว่าการดื่มกาแฟมากๆ ส่งผลให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร มีอาการใจสั่น ความดันโลหิตสูง หรือเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ คนที่ไม่นิยมดื่มกาแฟจึงรู้สึกปลอดภัยจากอาการดังกล่าว แต่หากได้อ่านงานศึกษาวิจัยชิ้นใหม่ต่อไปนี้ หลายคนอาจจะเปลี่ยนใจหันมาดื่มกาแฟกันมากขึ้นก็ได้

งานวิจัยเกี่ยวกับผลของกาแฟที่กล่าวถึงนี้มีอยู่ 2 งานวิจัยด้วยกัน โดยงานวิจัยแรก เป็นการศึกษาในผู้เข้าร่วมวิจัยประมาณ 520,000 คน จาก 10 ประเทศในยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส เดนมาร์ก กรีซ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อิตาลี สเปน นอร์เวย์ สวีเดน และสหราชอาณาจักร ซึ่งพบว่า ในช่วงแรกของการศึกษา ผู้ที่ดื่มกาแฟในทุกประเทศมีโอกาสที่จะเสียชีวิตระหว่างการศึกษาน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ โดยผู้ที่ดื่มกาแฟมีความเเสี่ยงต่อการเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ 12% ในผู้ชาย และ 7% ในผู้หญิง ส่วนคนที่ดื่มกาแฟ 2-3 แก้วต่อวัน จะลดโอกาสการเสียชีวิตลงได้ถึง 18% โดยเฉพาะจากโรคที่เกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิตและระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้คนที่ดื่มกาแฟยังมีแนวโน้มเกิดการอักเสบในระดับที่ต่ำกว่า สามารถควบคุมปริมาณไขมันและกลูโคสได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มด้วย แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคาเฟอีนเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นกาแฟที่มีคาเฟอีนหรือไม่มีคาเฟอีนก็ให้ผลอย่างเดียวกัน

ส่วนอีกงานวิจัยหนึ่งเป็นงานวิจัยที่มีการศึกษาในผู้เข้าร่วมวิจัยประมาณ 185,000 คน ซึ่งมีความหลากหลายของชาติพันธุ์ เนื่องจากประกอบไปด้วยชาวแอฟริกัน-อเมริกัน 17% ฮาวาย 7% ญี่ปุ่น-อเมริกัน 29% ละติน 22% และคนผิวขาว 25% โดยมีช่วงอายุ 45-75 ปี ซึ่งผู้เข้าร่วมวิจัยจะตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ การรับประทานอาหาร ครอบครัว และประวัติการใช้ยา โดยผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟมี 16% ดื่มวันละ 1 แก้ว มี 31% ดื่มวันละ 2-3 แก้ว มี 25% และดื่มมากกว่า 3 แก้ว มี 7% ของผู้เข้าร่วมวิจัย ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มที่ดื่มกาแฟอย่างไม่สม่ำเสมอ ซึ่งการวิจัยนี้ให้ผลคล้ายคลึงกับการวิจัยแรกคือ ผู้ที่ดื่มกาแฟมีโอกาสเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ

แม้ว่าการศึกษาวิจัยนี้จะไม่สามารถยืนยันได้ว่าการบริโภคกาแฟนำไปสู่การมีชีวิตที่ยืนยาวหรือไม่ แต่ก็กล่าวได้ว่าผู้ที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรลดลง อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่งานวิจัยแรกที่บ่งชี้ว่ากาแฟนั้นดีต่อสุขภาพ เพราะยังมีงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่ระบุว่ากาแฟช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ ลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวาน โรคตับ พาร์กินสัน มะเร็งลำไส้ใหญ่ และโรคเรื้อรังอื่น ๆ รวมไปถึงลดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าได้ 20% และความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายได้ถึง 53% ด้วย

การที่กาแฟดีต่อสุขภาพของเรา นั่นเพราะภายในเมล็ดกาแฟมีสารประกอบมากมายหลายร้อยชนิด แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ การเป็นแหล่งของสารแอนติออกซิแดนต์ (Antioxidants) ชั้นดี และฟีโนลิก (Phenolic) จำนวนมาก เหล่านี้ล้วนเป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระซึ่งเกิดจากกระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น การเผาผลาญอาหาร หรือการทำลายสิ่งแปลกปลอม ส่งผลให้เซลล์เสื่อมสภาพหรือเกิดการกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง และด้วยเหตุนี้ กาแฟจึงน่าจะนำไปสู่การมีอายุที่ยืนยาวได้

แม้ว่าตัวของกาแฟเองจะดีต่อสุขภาพ แต่คนส่วนใหญ่นั้นกลับชอบที่จะดื่มกาแฟโดยใส่น้ำตาลและนมคราวละมาก ๆ ซึ่งนั่นอาจนำไปสู่โรคอื่น ๆ รวมถึงกระบวนการผลิตกาแฟ ก็ส่งผลต่อคุณภาพหรือคุณสมบัติของกาแฟที่อาจสูญเสียหรือเปลี่ยนแปลงไประหว่างกระบวนการผลิตด้วย ดังนั้น หากเป็นคอกาแฟก็สามารถดื่มต่อไปได้อย่างสบายใจ แต่ก็ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกกาแฟที่มีกระบวนการผลิตที่ปลอดภัยเพื่ออายุที่ยืนยาว