แผนที่อากาศ
แผนที่อากาศที่หน่วยอุตินิยมวิทยาได้จัดขึ้น เป็นแผนที่ซึ่งแสดงการสรุปข้อมูลของปรากฏการณ์อากาศที่เกิดขึ้น ส่วนมาก แผนที่จะแสดงผลของการวิเคราะห์ข้อมูลของอากาศ ตามเวลาทุกๆ วัน ที่กำหนดไว้ เช่น เวลา ๐๐, ๐๖, ๑๒ และ ๑๘ นาฬิกา ของเวลากรีนิชสากล แผนที่อากาศย่อมมีตั้งแต่ระดับผิวพื้นไปจนระดับสูงๆ เช่น
ระดับผิวของพื้น (หรือระดับทะเล)
ระดับความกดของอากาศเท่ากับ ๘๔๐ มิลลิบาร์ (ประมาณ ๑.๓ กิโลเมตร)
ระดับความกดของอากาศเท่ากับ ๗๐๐ มิลลิบาร์ (ประมาณ ๓ กิโลเมตร)
ระดับความกดของอากาศเท่ากับ ๕๐๐ มิลลิบาร์ (ประมาณ ๖ กิโลเมตร)
ระดับความกดของอากาศเท่ากับ ๓๐๐ มิลลิบาร์ (ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร)
ตามธรรมดา แผนที่ระดับผิวพื้นจะมีรายงานข้อมูลของลม ทิศ และอัตราเร็วของ ลม ความกดอากาศ อุณหภูมิของอากาศ อุณหภูมิของจุดน้ำค้าง ทัศนวิสัย ลักษณะอากาศที่เห็นอยู่ (เช่น ฝน หมอก ฯลฯ) จำนวน ชนิดของเมฆ และความสูงของฐานเมฆ การเปลี่ยนของความกดในคาบ ๓ ชั่วโมง และปริมาณของน้ำฟ้าในระยะ ๖ ชั่วโมงที่แล้วมา เป็นต้น
การเขียนแผนที่จะต้องใช้เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ต่างๆ กัน ตามที่ตกลงกันระหว่างชาติ การใช้สัญลักษณ์มีประโยชน์ โดยสามารถรวบรวมข้อมูลได้หลายอย่าง ในเนื้อที่เล็กๆ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลต่างๆ ให้ได้มากที่สุด และคลุมบริเวณได้มากที่สุด เมื่อเขียนรายงานแล้ว นักอุตุนิยมวิทยาจะต้องวิเคราะห์แผนที่อากาศต่อไป ในการวิเคราะห์ แผนที่อากาศนั้น จะต้องเขียนเส้นไอโซบาร์หรือเส้นความกดเท่า เขียนบริเวณความกดอากาศสูงและต่ำ เขียนแนวปะทะบริเวณพายุ และเขียนบริเวณที่มีน้ำฟ้า และปรากฏการณ์อื่นๆ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะแปลความหมายของข้อมูลอากาศว่าลักษณะอากาศต่างๆ อย่างไร จากการวิเคราะห์แผนที่อากาศ นักอุตุนิยมวิทยาจะได้ทำการพยากรณ์อากาศ และออกข่าวพยากรณ์อากาศ เพื่อนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในกิจกรรมต่างๆ
ในสมัยนี้ ความก้าวหน้าทางเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ มีมากขึ้น และความรู้ทางทฤษฎีได้เพิ่มขึ้นด้วย นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการค้นคว้าในเรื่องการพยากรณ์อากาศโดยทางคำนวณขึ้นด้วย (numerical weather prediction) ผลของการพยากรณ์โดยการคำนวณนี้ มีความแม่นยำดี และยังจะมีความก้าวหน้าต่อไปอีกมากในอนาคต
จากรูปหน้าต่อไป เราจะเห็นแบบสถานีอุตุนิยมวิทยาสากล ซึ่งหน่วยอุตุนิยมวิทยา ใช้สำหรับเขียนแผนที่ และมีแผนที่อากาศ ของกรมอุตุนิยมวิทยาแสดงอยู่ด้วย