เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนจะต้องเคยมีคำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจ แต่เราเคยหยุดและย้อนคิดในมุมกลับบ้างหรือไม่คะว่า สิ่งที่เรามองว่าลูกดื้อนั้น เป็นเพราะลูกดื้อจริง ๆ หรือเราแค่รู้สึกว่าลูกทำในสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจเราเท่านั้น
ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจในประเด็นหลักนี้ก่อนว่า เด็กเกิดมาเพื่อที่จะ “เรียนรู้” ดังนั้นในทุกช่วงวัยของเขานั้น จึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น น่าทดลองค้นหา โลกใบใหญ่ ๆ ใบนี้ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่พวกเขาอยากทำ เราจึงเห็นได้ว่าในช่วงวัยเด็กนั้น เป็นวัยที่เต็มไปด้วยคำถาม และมีความกระตือรือร้นมากมายที่อยากจะลองทำสิ่งใหม่ ๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรระลึกไว้คือ เราควรให้โอกาสลูกของเราได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในโลกใบใหญ่ใบนี้ให้เต็มที่ โดยเรามีหน้าที่แค่คอยเฝ้าดูและให้คำแนะนำ โดยไม่นำประสบการณ์ที่ตนเองเรียนรู้มาก่อนแล้ว มาปิดกั้นจินตนาการและการค้นหาคำตอบในสิ่งใหม่ ๆ ของลูก เช่น ห้ามเขียนกำแพงเพราะกลัวสกปรก ห้ามเล่นน้ำฝนเพราะเดี๋ยวไม่สบาย ซึ่งพ่อแม่ใช้เหตุผลจากสิ่งที่ตนเคยรู้หรือเคยโดนห้ามมาก่อน นำมาใช้กับลูก ซึ่งในมุมมองของลูกนั้น พวกเขายังไม่มีประสบการณ์ในสิ่งเหล่านี้ เขาจึงแค่อยากที่จะลองหรืออยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรนั่นเอง
พ่อแม่ต้องพยายามเข้าใจว่าในบางครั้งคำว่า “เหตุผล” ในมุมมองของพ่อแม่ กับคำว่า “เหตุผล” ในมุมมองของลูกนั้นต่างกัน ในมุมมองของพ่อแม่ห้ามลูกเพราะความเป็นห่วง เพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา แต่...ในมุมมองของลูก ลูกก็มีเหตุผลว่า พวกเขาแค่อยากเรียนรู้ ลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ตนเองไม่เคยลองทำเท่านั้น ดังนั้นพ่อแม่ควรปล่อยให้ลูกได้ทดลองทำในสิ่งที่ลูกอยากรู้ และคอยให้เหตุผลในสิ่งที่ลูกไม่ควรทำมากกว่า “การห้าม”
การให้ลูกได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ นั้น ถือเป็นการ “ลอง” เพื่อ “รู้” และเมื่อลูกได้ลองและรู้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการแล้ว ก็เท่ากับว่าพวกเขาได้รับ “ประสบการณ์” ชีวิตเพิ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นอยากให้พ่อแม่ระลึกไว้ว่าทุกครั้งที่เราเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ นั้น เราได้ให้สิ่งที่มีค่าที่สุดกับลูกแล้ว นั่นก็คือ “ประสบการณ์” ชีวิตนั่นอง
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.