ประโยคเหล่านี้คงเป็นประโยคคุ้นเคยของคุณพ่อคุณแม่ที่ใช้พูดกับลูกอยู่ทุกวัน แต่คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่คะว่า การที่เราปลูกฝังให้ลูกเป็นคนที่ทำอะไรเร่งรีบจนเกินไปนั้น จะส่งผลให้เด็กเกิดภาวะของการเป็นคนที่ใจร้อนและขาดความอดทนรอคอยได้
เมื่อพ่อแม่ใช้ชีวิตเร่งรีบ ก็จะเป็นการบ่มเพาะบุคลิกการเป็นคนที่ทำอะไรรีบเร่งให้กับลูกไปด้วย เราจะเห็นได้ว่าเด็กในสมัยนี้ขาดความอดทนรอคอย ขาดความพยายาม สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะการที่พ่อแม่ไม่มีเวลาในการที่จะฝึกฝน หรือทำความเข้าใจอารมณ์ของลูก
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อลูกซนหรืองอแง พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็เลือกวิธีที่จะทำให้ลูกเงียบเร็วที่สุด นั่นก็คือ การให้สิ่งที่ลูกต้องการทันที แทนที่จะอดทนหรือทำความเข้าใจกับอารมณ์ของลูกว่า ลูกหงุดหงิดเพราะอะไร หรืออธิบายสาเหตุว่าลูกควรทำแบบนี้หรือไม่ ซึ่งการที่พ่อแม่ทำแบบนี้บ่อย ๆ ลูกก็จะเรียนรู้ว่าทุกสิ่งได้มาง่าย ๆ เขาอยากทำอะไรก็ได้ ซึ่งเมื่อลูกต้องเข้าโรงเรียน หรือต้องไปอยู่ในสังคมอื่น ๆ เขาก็จะมีปัญหาในเรื่องการปรับตัวและการปฏิบัติตามกฎกติกาของสังคม
ในการทำกิจกรรมในแต่ละวัน พ่อแม่ควรที่จะเผื่อเวลาไว้ให้ลูกได้ทำกิจกรรมนั้น ๆ ด้วยตัวเอง เช่น ถ้าลูกต้องไปโรงเรียน 7.00 น. เราอาจจะต้องปลุกลูกตั้งแต่ 6.00 น. เพื่อให้ลูกมีเวลาอาบน้ำเอง แปรงฟันเอง แต่งตัวเอง ซึ่งการฝึกให้ลูกได้ทำอะไรด้วยตนเองบ่อย ๆ จะทำให้เขาเกิดการเรียนรู้ และหาวิธีแก้ปัญหาได้ด้วยตนอง เช่นเมื่อติดกระดุมไม่ได้จะแก้ไขอย่างไร เมื่อใส่รองเท้าผิดข้าง จะสลับข้างถูกไหม และการที่ลูกได้ฝึกฝนและทำอะไรด้วยตนเองบ่อย ๆ ก็จะทำให้เขาเป็นเด็กที่มีความพยายาม และมีความอดทนในการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
ลูกควรได้ทำกิจกรรมหรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากกว่าการปล่อยให้ลูกอยู่กับโทรทัศน์ โทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์ การที่เด็กใช้เวลาอยู่กับสื่อต่าง ๆ มากเกิดไป จะส่งผลเสียทั้งทางร่างกาย และทางสังคม คือ เด็กที่จ้องจอโทรทัศน์หรือจอคอมพิวเตอร์มาก ๆ จะมีภาวะสายตาสั้นเร็วกว่าเด็กปกติ หรือเด็กที่ดูโทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์มาก ๆ อาจมีภาวะการพูดช้าและขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.