Goodbye เป็นทางการ อาจใช้ในการบอกลาเชิงแตกหักว่า จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ในขณะที่ Bye ดูสบาย ๆ เป็นกันเองกว่า
คำนี้ค่อนข้างดูไร้เดียงสา มีความเป็นเด็กมาก ดังนั้นคนโตแล้วมักจะไม่ค่อยพูด bye-bye กันหรอก
"แล้วเจอกันใหม่นะ" เราอาจออกเสียง you เป็น ya ก็ได้
วลีนี้ค่อนข้างเป็นกันเองและมีความเป็นมิตร หมายถึงคาดว่าจะได้เจอกันอีกในเร็ว ๆ นี้
เราคุ้นเคยกับวลี ‘nice to meet you’ กันดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเราสามารถบอกลาว่า ‘It was nice to see you again’ ได้ด้วยนะ
คำสุดฮิต ใช้ได้ทั้งในสถานการณ์ที่เป็นทางการและเป็นกันเอง จะใช้พูดกับเพื่อนหรือกับบุคคลอื่นก็ดูมีความจริงใจ
ปกติเราใช้ Take it easy. เพื่อบอกคนที่กำลังโมโหโกรธาให้ใจเย็น ๆ แต่ในอีกความหมายหนึ่งเราใช้เป็นคำบอกลาในความหมายว่า สบาย ๆ ผ่อนคลาย อย่าหักโหมล่ะ
เป็นวลีทางฝั่งอเมริกันที่ใช้กับคนไม่สนิท โดยสามารถเติมคำ day, weekend, vacation , trip ลงไปใน ____ ได้ตามแต่สถานการณ์ เช่น Have a good day. (บอกลากันในตอนเช้าของวัน), Have a good weekend. (บอกลาเมื่อต้องจากกันในเย็นวันศุกร์) แต่เราอาจใช้ Have a good one. เป็นการบอกลาทั่วไปโดยไม่ต้องเจาะจงอีเว้นท์ก็ได้
สามารถเติม day, week, vacation, meeting หรือตามแต่สถานการณ์ลงไปใน ________ เป็นการบอกลาที่มีความหมายเดียวกับ good luck (โชคดีนะ)
ใช้เมื่อรู้แน่ชัดว่าครั้งต่อไปจะได้ไปพบกันตอนไหน เช่น until tomorrow. , until Sunday. เป็นต้น
เป็นคำบอกลาที่ไม่เป็นทางการ นิยมใช้กันในยุค ’90 ระวัง! อย่าใช้ในการพบปะทางธุรกิจเชียวนะ และถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทจริง ๆ เลี่ยงที่จะบอกลาแบบนี้ไปเลยดีกว่า
เป็นคำสแลงของ See you later ใช้กันมากในหมู่วัยรุ่น โดยเฉพาะกับคนที่สนิทกัน
“ไปดีกว่า” เป็นการบอกลาเวลาที่จะออกมาจากกลุ่มเพื่อน
I gotta…ในอเมริกาใช้พูดกันโดยทั่วไปทั้งในสถานการณ์ที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ มีความหมายว่า ฉันต้อง (I need to…)
“ฉันต้องไปแล้วล่ะ” เป็นคำสแลงของ I’ve got to go. (I have to go.) ถ้าพูดคำนี้ออกมา ทุกคนจะรู้ทันทีว่าเราต้องไปแล้ว ก็จะบอกลากัน
“ฉันไปก่อนนะ” เป็นการบอกลาในลักษณะที่ว่า จริง ๆ อยากอยู่ต่อ แต่ต้องไปแล้ว
“ฉันต้องรีบไปแล้ว” ใช้บอกลาเมื่อต้องรีบไปอย่างปัจจุบันทันด่วน
และปิดท้ายด้วยคำว่า Good night ปกติจะพูดกันตั้งแต่ช่วงสี่ทุ่ม (22.00 น.) เป็นต้นไป หรือบอกลาเมื่อจะไปนอน