เชื่อว่าถ้าพูดถึงเครื่องเคียงบนโต๊ะอาหารของชาวเกาหลีแล้วล่ะก็ ไม่มีมื้อไหนเลยที่จะขาดกิมจิไปได้ และรู้ไหมคะว่าจริง ๆ แล้วในภาษาเกาหลี ไม่มีคำว่า “กิมจิ” นะคะ ด้วยเหตุนี้จึงสันนิษฐานกันว่าน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า “ชิมเช” ที่แปลว่าผักดองเค็ม และเจ้าผักดองเค็มชนิดนี้ชาวเกาหลีนิยมกินเกือบทุกมื้อ และยังนำไปปรุงเป็นส่วนประกอบอาหารอีกหลายอย่าง เช่น ข้าวต้ม ข้าวสวย ซุป ข้าวผัด สตู บะหมี่ จนถึงพิซซ่าและเบอร์เกอร์ ปัจจุบันกิมจิมีมากกว่า 187 ชนิดโดยจะแตกต่างกันตามท้องถิ่นและสภาพอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีรสเผ็ด เปรี้ยว และมีกลิ่นฉุน
กิมจิถือเป็นอาหารประจำชาติ เป็นอาหารที่เกิดจากภูมิปัญญาก้นครัวของบรรพบุรุษโดยแท้ ด้วยการหมักพริกสีแดงและผักต่าง ๆ โดยทั่วไปจะเป็นผักกาดขาว เชื่อกันว่าการกินกิมจิของชาวเกาหลีเริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ในช่วงฤดูหนาว ที่สภาพอากาศหนาวจัด ไม่เหมาะกับการเพาะปลูก คนเกาหลีจึงหันมาหาวิธีถนอมอาหารด้วยการดองผักไว้กินแทนผักสด กิมจิจึงถือกำเนิดขึ้นจากการนำผักมาหมักด้วยเกลือใส่ในไหแล้วนำไปฝังดิน กิมจิมีวิวัฒนาการผ่านวันเวลามายาวนาน กว่าจะมาเป็นกิมจิในปัจจุบัน ซึ่งวัตถุดิบในการทำกิมจิก็มีความหลากหลายมากขึ้น มีทั้งผักกาดขาว หัวผักกาด กระเทียม พริกแดง หัวหอมใหญ่ ปลาหมึก กุ้ง หอยนางรม หรืออาหารทะเลอื่น ๆ ขิง เกลือ และน้ำตาล แต่กิมจิที่ถือว่าเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากที่สุดในนานาชาติ คือ กิมจิผักกาดขาว ซึ่งจะเป็นการผสมผักกาดขาว พริกแดง กระเทียม ขิง และน้ำซุปจากปลากะตักเข้าด้วยกัน ที่สำคัญถ้าใช้ผักกาดขาวจีนจะทำให้รสชาติจัดจ้านขึ้น
นิตยสาร Health จัดกิมจิให้เป็น 1 ใน 5 อาหารที่มีประโยชน์ที่สุดในโลก ซึ่งตรงกับคำพูดของคนเกาหลีที่ว่า “กินกิมจิทุกวัน ไม่ต้องไปหาหมอ” ทั้งนี้เพราะนอกจากจะอุดมไปด้วยวิตามินหลักอย่าง A B และ C ที่ช่วยในการย่อยอาหารแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับเชื้อโรคเพราะมีสาร Antioxidant ต่าง ๆ และมี Probiotic แลคโตบาซิลัส ที่ให้กรดแลคติกหลังจากการหมักเหมือนในโยเกิร์ตอีกด้วย
ประโยชน์ในด้านสุขภาพของกิมจิที่หลายคนชอบมากโดยเฉพาะสาว ๆ ก็คือ กิมจิเป็นอาหารที่ช่วยในการควบคุมน้ำหนักหรือรักษาหุ่น เพราะว่ากิมจิจัดเป็นอาหารที่อยู่ในกลุ่ม Low Cal / High Fiber หรือให้พลังงานต่ำแต่ไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยให้คนที่กินกิมจิเป็นประจำสามารถรักษาหุ่นให้ดูดีได้อยู่เสมอ โดยเฉลี่ยคนเกาหลีกินกิมจิประมาณวันละ 100 กรัม นอกจากนี้กิมจิยังเหมาะมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการย่อยหรือขับถ่าย เพราะกิมจิจะช่วยให้ระบบดังกล่าวทำงานได้ดีขึ้น เราจะสังเกตได้ว่าคนเกาหลีนิยมกินกิมจิในมื้อที่มีอาหารย่อยยาก ๆ อย่างพวกเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัวหรือเนื้อหมู เป็นต้น
ในด้านความงามนั้น อาจกล่าวได้ว่าการกินกิมจิเป็นประจำ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เนียนนุ่มเปล่งปลั่งก็เพราะในกิมจิมีแบคทีเรียแล็คทิค (Lactic Acid Bacteria) และสารเคมีในพืช ซึ่งช่วยชะลอไม่ให้ผิวพรรณร่วงโรยไปตามวัย อีกทั้งมีวิตามินซี ที่ช่วยให้ผิวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวของเรามีความกระชับ ไม่ค่อยมีริ้วรอย นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระจากวิตามินและสารอาหารต่าง ๆ ในกิมจิ ก็ยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวไม่ให้เสื่อมเร็ว ป้องกันการอักเสบในร่างกาย เลยทำให้ผิวเราแก่ช้า ยิ่งกินก็ยิ่งหน้าเด็กนั่นเอง