ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยผักและผลไม้ทุกฤดูกาล คนไทยจึงรับประทานผักและผลไม้เป็นอาหารทุกวัน
การรับประทานผักและผลไม้จะได้รับคุณค่าทางอาหารมาก ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต และป้องกันมิให้เกิดโรคภัยได้
อาหารประจำวันที่ใช้ผักเป็นหลักมีหลายอย่าง เช่น แกงจืด ผักกาดขาว ผัดกะหล่ำปลี ยำแตงกวา หรือยำอย่างฝรั่งที่เรียกว่า สลัด อันประกอบด้วย ผักกาดหอม มะเขือเทศ แตงกวา หอมหัวใหญ่ เป็นต้น นอกจากนี้ เราใช้ผักบางอย่างเป็นเครื่องจิ้ม เช่น มะเขือ แตงกวา ยอดกระถิน เป็นต้น
ผลไม้ที่นิยมรับประทานเป็นของหวาน ของว่าง หรือเมื่อหิวได้แก่ กล้วย ส้มต่าง ๆ แตงโม สับปะรด มะละกอ พุทรา มะม่วง ฯลฯ
ในการรับประทานผักและผลไม้บางอย่างประจำวัน โดยปกติเราจะปอกเปลือก แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนรับประทาน แต่เมื่อมีงานเลี้ยงอาหารในงานสำคัญ หรือในภัตตาคาร ผู้ปรุงอาหารจะแกะสลักผักและผลไม้ให้เป็นดอกไม้ ใบไม้ หรือตัวสัตว์ ก่อนนำไปประกอบอาหาร เพื่อให้มองดูสวยงาม เช่น แกะแตงกวาเป็นตัวกระต่ายยัดไส้หมู นำไปแกงจืด แกะหัวผักกาดเป็นดอกมะลิซ้อน
แกะฟักทองเป็นปลา แกะพุทราเป็นดอกบัว และแกะส้มโอเป็นตุ๊กตา เป็นต้น
การประดิษฐ์ผักและผลไม้เป็นดอกไม้ ใบไม้ หรือตัวสัตว์ เป็นสิ่งที่น่าฝึกหัด เพราะสิ่งเหล่านี้ ทำให้อาหารน่ารับประทานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เป็นการฝึกนิสัยให้เยือกเย็น สุขุม รักสวยรักงาม และรักความประณีตด้วย
คนไทยนิยมนำผักและผลไม้มาแกะสลักเป็นดอกไม้ ใบไม้ หรือประดิษฐ์เป็นตัวสัตว์ต่างๆ เช่น นก ปลา กุ้ง หอย ฯลฯ ใช้เป็นอาหาร หรือนำไปประกอบอาหารหวานคาว เพื่อให้ดูสวยงาม
และน่ารับประทาน
การแกะสลักผักและผลไม้นิยมทำกันมาหลายร้อยปีแล้ว ในสมัยโบราณ ผู้หญิงไทยส่วนมากไม่ได้เรียนหนังสือนอกบ้าน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับบ้าน เพื่อฝึกหัดทำอาหารหวานคาว ทำดอกไม้
เย็บปักถักร้อย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นผู้หญิงมีเวลาที่จะเรียนการประดิษฐ์ผักและผลไม้ต่อเนื่องกันจนมีความชำนาญสามารถสอนลูกหลานต่อ ๆ กันมาจนนับเป็นวัฒนธรรมของไทย
การแกะสลักผักและผลไม้ ควรจะคำนึงถึงชนิดของผักและผลไม้ รูปแบบในการประดิษฐ์ให้เหมาะสมกับโอกาสที่จะใช้และประโยชน์ที่จะได้รับในฤดูฝนมีผักหลายชนิด ซึ่งสามารถนำมาแกะสลักได้ เช่น ขิงอ่อน นำมาแกะสลักเป็นดอกรักเร่ ปลา นก ฯลฯ แล้วนำไปดอง เพื่อเก็บไว้รับประทานนาน ๆ หรือนำผักหลายอย่าง เช่น ฟักทอง แกะสลักเป็นผอบ แตงกวาแกะสลักเป็นดอกบัว มะเขือแกะสลักเป็นดอกไม้ หรือใบไม้ ขมิ้นขาวแกะสลักเป็นดอกจำปี มะระลูกเล็กประดิษฐ์เป็นตัวหนู ฯลฯ แล้วนำมาจัดเป็นผักเครื่องจิ้ม นอกจากนี้ยังนำผักและผลไม้แกะสลักแล้วมาประกอบอาหารหวานคาว
ได้หลายชนิด เช่น มะละกอดิบสานเป็นปลาตะเพียน หรือแกะสลักเป็นปลาเงินนำไปแกงส้ม หัวผักกาดแกะสลักเป็นดอกกุหลาบนำไปแกงจืด แตงโมแกะสลักเป็นกระเช้า หรือดอกบานชื่นซ้อน มันเทศ แกะสลักเป็นดอกรักเร่นำไปเชื่อมเป็นของหวาน เป็นต้น
ผักและผลไม้ที่แกะสลักแล้ว ในบางโอกาสยังนำไปเป็นของขวัญตามเทศกาลต่าง ๆ ได้ด้วย เช่น แกะสลักผลไม้จัดใส่กระเช้า นำไปอวยพรปีใหม่ หรือแกะสลักผักและผลไม้ ใช้ในงานทำบุญตามประเพณี เช่น จัดเลี้ยงพระในงานขึ้นบ้านใหม่ งานวันเกิด เป็นต้น
การแกะสลักผักและผลไม้มิใช่เป็นเรื่องยาก เพียงแต่ผู้ฝึกใช้มีดเล่มเดียวก็สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ ถ้าผู้ฝึกมีความสนใจและหมั่นเพียรฝึกทำบ่อย ๆ ก็จะเกิดความชำนาญและได้ผลงานออกมาอย่างสวยงาม ทำให้ผู้ฝึกมีกำลังใจที่จะทำต่อไป รวมทั้งทำให้มีความคิดดัดแปลงแก้ไขตลอดจนคิดทำสิ่งใหม่ ๆ แปลก ๆ อยู่เสมอ
ในปัจจุบัน การประดิษฐ์ผักและผลไม้ ก็ยังเป็นที่นิยมของคนไทยทั่วไป นอกจากจะมุ่งเพื่อให้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เหมือนสมัยก่อนแล้วยังมุ่งประดิษฐ์ เพื่อประโยชน์ทางการค้าด้วย เช่น
จัดสำหรับงานเลี้ยง จัดในโรงแรมใหญ่ ๆ ใช้เป็นของชำร่วย เป็นของขวัญปีใหม่นับเป็นการช่วยเพิ่มพูนรายได้ให้กับคนไทยได้ยึดเป็นอาชีพอีกอาชีพหนึ่ง