อาการของไข้หวัดใหญ่ไม่แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดามากนัก เพียงแต่ระดับอาการจะมากกว่า อาจสังเกตได้ดังนี้
• มีไข้สูง อาจมีอาการหนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย
• เจ็บคอ ไอแห้ง ๆ รวมกับอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล
• มีอาการอื่น ๆ เสริม เช่น คลื่นไส้อาเจียน ตาแดง หรือในเด็กเล็กบางคนอาจปวดท้อง ถ่ายเหลว ติดเชื้อในหลอดลมและกล่องเสียงเป็นต้น
• ตากฝนหรืออาบน้ำในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม
• การสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ เช่น ของเล่น ของใช้ การกินขนมร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ
• คลุกคลีกับผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น ที่โรงเรียน
• เป็นผลเรื้อรังต่อเนื่องมากจากไข้หวัดธรรมดา
• สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ร้อนหรือหนาวเกินไป ทำให้สภาพร่างกายปรับตัวไม่ทัน
เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่าย แพร่กระจายได้รวดเร็ว และคุณพ่อคุณแม่เองอาจควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำได้คือการหาวิธีป้องกันซึ่งทำได้ดังนี้
1. พาเด็กไปฉีดวัคซีนป้องกันเมื่อเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป
2. ไม่ควรพาเด็กไปตากฝน หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปเจอกับอากาศหนาวร้อนเปลี่ยนแปลงกระทันหัน เช่น กิจกรรมบางอย่างที่ต้องออกแดดจัดแล้วกลับมาเข้าห้องแอร์เย็น ๆ
3. อย่าให้เด็กเข้าใกล้ผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่หรือไข้หวัดคนอื่นๆ
4. สอนให้เด็กรักษาคามสะอาด ให้รู้จักล้างมือเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการใช้มือหยิบจับอาหาร
หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่าอาการของลูกไม่ดีขึ้นเกิน 5 วัน ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและวินิจฉัยต่อไป ในบางกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจต้องรับยาต้านเชื้อไวรัส
แต่ปกติแล้วแพทย์จะจัดยาลดไข้ พร้อมแนะนำวิธีการดูแลให้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยวิธีการดูแลทั่วไปสามารถทำได้ดังนี้
• รับประทานยาลดไข้ทุก 6 ชั่วโมง
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก ๆ
• พักผ่อนให้เพียงพอ