เชื่อว่าทุกคนน่าจะพอเห็นคำนี้ผ่านตาอยู่บ่อยๆ ซึ่งคำว่า time flies หมายถึงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับโกหก ตัวอย่างประโยค เช่น I can't believe your brother is old enough to be in high school! How time flies! (ไม่น่าเชื่อว่าน้องชายของเธอจะโตถึงวัยมัธยมปลายแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจัง!)
แปลได้สองแง่มุม อย่างแรกคือ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำบางอย่าง หรือ ผ่านช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำบางอย่างไปแล้ว แต่ยังไม่สายเกินไป ตัวอย่างประโยค เช่น It’s high time I exercised after I’ve been lazy for months. (ถึงเวลาที่ฉันจะออกกำลังกายเสียทีหลังจากที่ฉันขี้เกียจมาหลายเดือน)
หมายความว่า เวลาเราทำอะไรบางอย่าง มักจะสำเร็จในครั้งที่สาม เป็นสำนวนภาษาอังกฤษที่ดูจะให้กำลังใจในการทำบางสิ่งบางอย่าง “ถ้าเราพยายามเป็นครั้งที่สามมันจะต้องสำเร็จแน่นอน” ตัวอย่างประโยค เช่น
A : I’ve tried solving this math problem twice, but I can’t.
(ฉันพยายามแก้โจทย์คณิตข้อนี้มาสองรอบแล้ว แต่ฉันก็ยังแก้ไม่ได้)
B : Try again. The third time’s a charm.
(ลองพยายามอีกทีสิ ฝรั่งว่าไว้ว่าคนเรามักสำเร็จในครั้งที่สามนะ)
หมายถึง การทำบางอย่างสำเร็จลุล่วงก่อนเวลา ตัวอย่างประโยค เช่น She couldn’t manage to beat the clock and arrived fifteen minutes after the conference had started. (เธอไม่สามารถจัดการเวลาได้ จึงมาถึงหลังการประชุมเริ่มไปแล้วสิบห้านาที)
แปลความหมายได้ตรงตัวเลย คือมาช้าดีกว่าไม่มาหรือไม่ทำอะไรเลย มักใช้พูดกับคนที่มาสายมากๆ ตัวอย่างประโยค เช่น All of us have been waiting for you for 1 hour and a half. But better late then never. (พวกเรารอคุณมาชั่วโมงครึ่งแล้ว แต่มาช้าก็ดียังกว่าไม่มาเลย)
แปลว่า เกือบจะสายแล้ว ก่อนเวลานิดเดียว มักใช้เมื่อทำบางอย่างในวินาทีสุดท้าย ตัวอย่างประโยคเช่น He always turned his report in at the eleventh hour. (เขามักส่งรายงานในวินาทีสุดท้ายเสมอ)
หมายถึง ในระยะยาว เช่น ดูกันยาวๆ หรือ เทียบในระยะยาว เป็นต้น ใช้มากในบริบทของการทำงานหรือนำเสนอผลงานต่างๆในที่ประชุม ตัวอย่างประโยค เช่น It seems spending a bit now, but in the long run it 'll save us a lot of money. (ในช่วงแรกอาจมีค่าใช้จ่ายมากหน่อย แต่ในระยะยาวมันจะช่วยเราประหยัดงบประมาณได้)
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแต่งหน้าหรืออย่างไร แต่ make up for the lost time แปลว่าชดเชยเวลาที่เสียไป ตัวอย่างประโยค เช่น We haven’t met for a long time. Let’s make up for lost time by talking for hours. (เราไม่ได้เจอกันนานเลย นั่งคุยกันสักสองสามชั่วโมงดีกว่า ชดเชยช่วงเวลาที่เราไม่ได้เจอกัน)
มีความหมายว่า เกือบไม่ทัน ก่อนจะสายเกินไป หรือ ทันแบบฉิวเฉียดพอดี คล้ายกับ at the eleventh hour ที่เราได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้ ตัวอย่างประโยค เช่น ในเพลง Back at one ของ Brian McKnight ซึ่งเป็นที่โด่งดังในปลายยุค 90’s มีท่อนหนึ่งกล่าวไว้ว่า You threw out the life line. Just in the nick of time. จากในบริบทของเพลง แปลได้ว่า เธอโยนความเดียวดายในชีวิตของฉันทิ้งไป เธอมาช่วยฉันได้ทันเวลาพอดี
แปลว่า โอกาสได้ผ่านไปแล้วหรือสายไปแล้ว ตัวอย่างประโยค เช่น
A : I should call him, I’ve been thinking about him everyday.
(ฉันควรโทรหาเขา ฉันคิดถึงเขาทุกวันเลย)
B : So sorry, that ship has sailed. He had new girlfriend last month.
(ฉันเสียใจด้วย มันสายไปแล้ว เขามีแฟนใหม่เมื่อเดือนก่อนนี้เอง)
หมายความว่า ตลอดเวลา ทั้งวันทั้งคืน หรือ 24 ชั่วโมง เหมือนกับนาฬิกาที่หมุนไปรอบๆ ไม่หยุดนั่นเอง ตัวอย่างประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น One lane on this road is closed around the clock for 2 months. (ถนนเส้นนี้ถูกปิดหนึ่งช่องทางตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลาสองเดือน)
แปลว่า ได้เวลาเลิกทำงานหรือกิจกรรมบางอย่างที่ทำต่อเนื่องมาทั้งวัน มักใช้คู่กับคำว่า Let’s ซึ่งแสดงถึงการเชิญชวน “Let’s call it a day” แปลว่า เลิกงานกันดีกว่า! หรือ ไปพักผ่อนกันเถอะ! อาจเติมประโยคต่อท้ายด้านหลังด้วย เช่น Let’s call it a day and continue tomorrow. (ไปพักผ่อนกันดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่)
หมายถึง ทันทีทันใด หรือ ในช่วงเวลาเดียวกัน อาจใช้คำว่า at one blow แทนได้ ตัวอย่างประโยค เช่น I managed to please both mom and dad at one stroke. (ฉันพยายามที่จะเอาใจทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน)
แปลว่า มีประสบการณ์ หรือที่เรามักพูดกันว่า ฉันไม่ใช่เด็กอมมือนะ! ตัวอย่างประโยค เช่น I wasn’t born yesterday so I can see what his trick is. (ฉันไม่ใช่เด็กอมมือที่จะไม่รู้ว่าเล่ห์เหลี่ยมของเขาคืออะไร)
แปลว่า อยู่ในการดูแลของ... หรือ อยู่ในความรับผิดชอบของ... ตัวอย่างประโยค เช่น She has to bear the blame since it happened on her watch. (เธอต้องยอมรับคำต่อว่าเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในการดูแลของเธอ)