คำเรียกจำนวนในภาษาอังกฤษตั้งแต่เลข 21 – 99 มีหลักการเดียวกัน คือ จะพูดหลักสิบ (tens) ก่อนแล้วตามด้วยหลักหน่วย เช่น 21 = twenty one (twenty คือหลักสิบ, one คือหลักหน่วย) แต่การใช้คำว่า “teens” มีความแตกต่างออกไป โดยหลักสิบ ten ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า teen จะอ่านตามหลังหลักหน่วย เช่น
17 มาจาก 10 (ten) + 7 (seven) อ่านว่า seventeen (ไม่อ่าน teen-seven)
แต่สำหรับ eleven (11) และ twelve (12) ไม่ได้เป็นไปตามหลักการนี้
Eleven และ Twelve มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ คือ Endleofan = ain + lif (11) และ Twelf = twa + lif (12)
–lif มาจากรากศัพท์ “left” ที่แปลว่า เหลือ, เกิน ดังนั้น ainlif หมายถึง เกินมาหนึ่ง และ twalif หมายถึง เกินมาสอง
จริงอยู่ว่าเมื่อก่อนอาจจะใช้ –lif เป็นส่วนต่อท้ายของคำเรียกจำนวนเกินสิบ แต่ด้วยระบบจำนวนมีการพัฒนามากขึ้นกว่าในอดีต และอาจเป็นเพราะระบบการพิมพ์ threelif, fourlif ด้วยก็ได้ จึงไม่มีการใช้ –lif ต่อท้าย แต่สำหรับ 11 และ 12 ถูกนำมาใช้บ่อยขึ้นในชีวิตประจำวัน รูปแบบของมันจึงหยุดนิ่งในขณะที่ระบบอื่นๆ มีการพัฒนาขึ้น
นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างมากขึ้นในการออกเสียงหลักสิบ (tens) เช่น twenty, thirty, fifty แทนที่จะเป็น twoty, threety, fivety เนื่องจากเราใช้ตัวเลขเหล่านั้นในชีวิตประจำวันมานานกว่าที่เรามี two hundred, three hundred และ five hundred ซะอีก