ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาเริ่มฤดูฝน ทุกปีจะมีพระราชพิธีที่สำคัญ คือ พระราชพิธีพืชมงคล และพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ในการประกอบพระราชพิธีจะมีคณะพราหมณ์เดินเป่าสังข์ แกว่งบัณเฑาะว์ ขณะที่พระยาแรกนาไถนาและหว่านข้าว
ถ้าเดินตั้งต้นจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มุ่งหน้าไปตามถนนดินสอ เราจะเดินผ่านศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ผ่านเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ไปถึงหน้าวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ที่บริเวณลานกว้างหน้าวัดสุทัศนเทพวราราม มีเสาชิงช้าสูงเด่น เดิมใช้ประกอบพระราชพิธีตรียัมพวาย อันเป็นประเพณีของพราหมณ์มาแต่โบราณ เป็นสถานที่โล้ชิงช้า และจัดพิธีบวงสรวงสังเวยพระเป็นเจ้า
พระพุทธศาสนามีศาสนสถานและศาสนวัตถุ ได้แก่ โบสถ์ วิหาร เจดีย์ พระพุทธรูป เป็นต้น ศาสนาพราหมณ์ก็มีเช่นกัน ได้แก่ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ และเทวรูป
สมัยรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลที่ ๑ มีเทวสถานสำหรับพระนคร ปัจจุบัน คือ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์สำหรับพระนคร ตั้งอยู่ที่ถนนดินสอ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๗ ภายในมีโบสถ์เรียงกัน ๓ หลัง ประกอบด้วย
๑. สถานพระอิศวร (เรียกกันว่า โบสถ์ใหญ่) ภายในมีเทวรูปพระอิศวร เทวรูปพระพรหม และเทวรูปอื่นๆ หลายขนาด
๒. สถานพระพิฆเนศ (เรียกกันว่า โบสถ์กลาง) มีขนาดเล็กกว่าโบสถ์ใหญ่ ภายในโบสถ์มีเทวรูปพระพิฆเนศ ๕ องค์
๓. สถานพระนารายณ์ (เรียกกันว่า โบสถ์ริม) มีขนาดเท่ากับโบสถ์พระพิฆเนศ ประดิษฐานเทวรูปพระนารายณ์ เทวรูปพระลักษมี และเทวรูปพระมเหศวรี (ภูมิเทวี)
ปัจจุบันเทวรูปพระอิศวรและเทวรูปพระนารายณ์ได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
นอกจากเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ แล้ว ยังมีเทวสถานและเสาชิงช้าที่เมืองนครศรีธรรมราช และเพชรบุรี โดยได้บูรณะขึ้นใหม่แทนของเดิมที่ปรักหักพังไปหมดแล้ว
พิธีกรรมและความเชื่อในพระพุทธศาสนาจะมีคติในศาสนาพราหมณ์ปะปนอยู่ตลอดมา คณะพราหมณ์ได้มีส่วนจัดพระราชพิธีในพระราชสำนัก และพิธีสำคัญต่างๆ ที่เป็นมงคลในวิถีวัฒนธรรมไทย ผู้ที่ประกอบพระราชพิธีเป็นพราหมณ์ราชสำนัก มีตำแหน่งเป็นพระมหาราชครู รองลงมาคือ พระราชครู พระครู และพราหมณ์ ตามลำดับ
วิถีชีวิตและความคิดความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากพระพุทธศาสนา และมีคติศาสนาพราหมณ์ปะปนอยู่ ที่เห็นได้อย่างเด่นชัด คือ พิธีกรรมต่างๆ ทั้งที่เป็นพระราชพิธีและพิธีมงคลต่างๆ ในสังคมไทย ตัวอย่างเช่น พิธีมงคลสมรส มีทั้งพิธีสงฆ์ สวดมนต์ ถวายภัตตาหาร และการหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ทางด้านศาสนสถาน ก็มีทั้งวัด โบสถ์ วิหาร และมีเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เทวาลัย ศาลพระพรหม ซึ่งใช้ประกอบพิธีกรรมตามคติความเชื่อที่ควบคู่กันไป
นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๖ ไทยรับเอาศาสนาพราหมณ์มาจากหลายทาง ส่วนใหญ่มาทางตะวันออกคือ จากเขมร เห็นได้จากโบราณสถานหลายแห่ง เช่น ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทหินพิมาย อีกเส้นทางหนึ่งมาทางภาคตะวันตก มีเทวสถานปราสาทเมืองสิงห์ ที่จังหวัดกาญจนบุรี ร่องรอยเทวสถานที่จังหวัดเพชรบุรี และอีกเส้นทางหนึ่งคือ ทางภาคใต้ โดยที่พราหมณ์และพ่อค้าอินเดียได้เข้ามาในอาณาจักรศรีวิชัย มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดี เกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์จำนวนมากที่เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งคณะพราหมณ์ได้เข้ามาประกอบพิธีกรรมในพระราชสำนัก ตั้งชุมชนพราหมณ์อยู่ในเมืองนี้ และพราหมณ์ส่วนหนึ่งได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองเพชรบุรี
เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สืบหาตำราต่างๆ และนำคณะพราหมณ์จากภาคใต้มารับราชการในพระราชสำนัก ทรงรื้อฟื้นพิธีพราหมณ์ และสร้างเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ สำหรับพระนครขึ้น ตั้งอยู่เยื้องกับวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร พร้อมทั้งสร้างเสาชิงช้า เพื่อรักษาธรรมเนียมการสร้างพระนคร ที่จะทำให้มีความมั่นคงแข็งแรง
เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ในไทยแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม คือ
๑) กลุ่มเทวสถานที่สร้างก่อนสมัยรัตนโกสินทร์
สร้างประจำเมืองใหญ่เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีและการประกอบพิธีกรรมของพราหมณ์ เป็นการสร้างอุทิศถวายแด่พระเป็นเจ้า เช่น พระอิศวรในไศวนิกาย และพระวิษณุในไวษณพนิกาย มีเทวสถานและเสาชิงช้าที่เมืองนครศรีธรรมราชซึ่งปรักหักพังไปแล้ว กรมศิลปากรได้บูรณะขึ้นใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙
๒) กลุ่มเทวสถานในสมัยรัตนโกสินทร์
นอกจากเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ สำหรับพระนครแล้ว ยังมีเทวสถานที่สร้างโดยชาวอินเดียที่มาพำนักอยู่ในประเทศไทย ได้แก่ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม) ซึ่งประดิษฐานเทวรูปพระแม่อุมาเทวี วัดวิษณุ ที่เขตยานนาวา มีโบสถ์พระแม่ทุรคา โบสถ์ศิวลึงค์ และโบสถ์พระศิวนาฏราช และศาสนิกชนพราหมณ์ฮินดูได้สร้างเทวสถานชื่อ โบสถ์เทพมณเฑียร ตั้งอยู่บริเวณใกล้เสาชิงช้า กรุงเทพฯ
เทวสถานในสมัยโบราณส่วนใหญ่มักทำด้วยศิลา และมีส่วนประกอบสำคัญ คือ โคปุระ เป็นซุ้มประตูสำหรับให้ผู้ที่เข้ามา ได้ทำสมาธิบูชาพระเป็นเจ้าอยู่ชั้นล่างสุด ชั้นบนถัดขึ้นมาเป็นที่ประทับเมื่อพระเจ้าแผ่นดินเสด็จฯ เรียกว่า พระมหามณเฑียร ส่วนชั้นสูงสุดเรียกว่า มหาปราสาท เป็นที่ประทับของพระเป็นเจ้า ภายในเทวสถานมักมีการแกะสลักรูปเรื่องราวต่างๆ มีประติมากรรมเทวรูปที่เป็นทั้งศิลปะขอม ศิลปะทวารวดี และศิลปะศรีวิชัย
เทวสถานโบสถ์พราหมณ์สำหรับพระนคร ตั้งอยู่ที่ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๗ เดิมเรียกว่า เทวสถานสำหรับพระนคร เป็นเทวสถานเรียงกัน ๓ หลัง ได้แก่ สถานพระอิศวร สถานพระพิฆเนศ และสถานพระนารายณ์ มีหอเวทวิทยาคมเป็นห้องสมุดเฉพาะกิจ เก็บรวบรวมสรรพประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ บริเวณลานเทวสถานมีเทวาลัยขนาดเล็กตั้งอยู่กลางบ่อน้ำ ประดิษฐานเทวรูปพระพรหม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ บริเวณเทวสถานทั้งหมดนับเป็นโบราณวัตถุและโบราณสถานที่สำคัญของชาติ
ด้านหน้าเทวสถานโบสถ์พราหมณ์แห่งเดิมเป็นลานกว้างอยู่บริเวณด้านหน้าวัดสุทัศนเทพวราราม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเสาชิงช้าขึ้นเมื่อวันพุธ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๒๗ พิธีการสร้างพระนครที่เกี่ยวกับเสาชิงช้า คือ พิธีตรียัมพวาย-ตรีปวาย ซึ่งเป็นพิธีที่มีส่วนของการแสดงตำนานพระพรหมสร้างโลก และมีการโล้ชิงช้า เสาชิงช้านี้มีความสูงจากพื้นถึงยอด ๔๒ เมตร ต่อมา เสาทั้งสองข้างเริ่มชำรุด จึงได้มีการทำพิธียกเสาชิงช้าขึ้นใหม่ และประดิษฐานในที่เดิม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๐
พิธีกรรมที่คณะพราหมณ์ประกอบพิธีในเทวสถานที่ยังพอปรากฏอยู่ ได้แก่ พิธีสถาปนาเทวสถานวัดวิษณุ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ ซึ่งมีการประกอบพิธีสำคัญๆ นานถึง ๑๑ วัน เช่น พิธีกรมากุฏิ พิธีชลาธิวาส พิธีอันนาธิวาส พิธีศัยยาธิวาส พิธีเชิญวิญญาณพระเป็นเจ้า และพิธีปูรณหูติ เมื่อเสร็จพิธีดังกล่าวแล้วจึงทำพิธีเปิดเทวสถาน
พระราชพิธีอันเกี่ยวเนื่องกับศาสนาพราหมณ์ ได้แก่ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งมีพิธีโดยย่อ คือ เปิดประตูศิวาลัย ถวายน้ำอภิเษก อัญเชิญพระอิศวรเพื่อประทานพร พิธีสรงพระมูรธาภิเษก การถวายสังวาลพราหมณ์ นอกจากนี้ มีพระราชพิธีตรียัมพวาย-ตรีปวาย ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับพิธีแรกนาขวัญ การเพาะปลูก และการเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหาร โดยมีพราหมณ์เป็นผู้ประกอบพิธี
ตำแหน่งพระมหาราชครูประจำแต่ละรัชกาลเริ่มมีมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ จนถึงรัชกาลปัจจุบัน โดยสืบทอดเชื้อสายพราหมณ์ต่อเนื่องกันมาจากพราหมณ์ราชสำนัก ปัจจุบันหัวหน้าคณะพราหมณ์ คือ พระราชครูวามเทพมุนี (ชวิน รังสิพราหมณกุล) ปฏิบัติหน้าที่พราหมณ์ราชสำนัก เป็นข้าราชการขึ้นตรงต่อสำนักพระราชวัง และปฏิบัติศาสนกิจที่เทวสถานโบสถ์พราหมณ์