ในภาษาไทยมีคำที่ใช้เรียกทางน้ำ หรือลำน้ำขนาดต่างๆ รวมกันว่า แม่น้ำคูคลอง โดยแม่น้ำเป็นลำน้ำที่มีขนาดใหญ่มาก ส่วนคลองมีขนาดใหญ่รองลงมา และคูมีขนาดเล็กที่สุด
คลองในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นคลองที่คนขุดขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ แต่ก็มีบางคลองที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออก และภาคใต้ของประเทศ มักเรียกลำน้ำเล็กๆ บางสายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติว่า "คลอง" เช่น คลองกระแส ในจังหวัดระยอง คลองใหญ่ ในจังหวัดตราด คลองไชยา ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี คลองปากนคร ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และคลองนาทวี ในจังหวัดสงขลา แต่ในภาคเหนือและภาคกลางของประเทศ ถ้ากล่าวถึงคลอง ก็หมายถึง ลำน้ำที่คนขุดขึ้นเพียงอย่างเดียว
การขุดคลองให้ประโยชน์หลายประการ นอกจากเพื่อใช้เป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำ เชื่อมแม่น้ำสายต่างๆ เข้าด้วยกันแล้ว ยังให้ประโยชน์ในด้านการนำน้ำจากแม่น้ำสายใหญ่ๆ เข้าไปในพื้นที่เพาะปลูกที่อยู่ห่างไกลจากแม่น้ำ ทำให้ผู้คนสามารถขยายการตั้งถิ่นฐาน และพื้นที่เพาะปลูกได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
ในสมัยโบราณ การขุดคลองยังให้ประโยชน์ในด้านการป้องกันเมืองสำคัญๆ เช่น เมืองหลวง ให้ข้าศึกโจมตีเมืองได้ยากยิ่งขึ้น โดยการขุดคลองให้เป็น คูเมือง อยู่ด้านนอกของกำแพงเมือง หากข้าศึกจะเข้าโจมตี ก็ต้องผ่านทั้งคูเมืองและกำแพงเมือง จึงจะเข้าถึงตัวเมืองได้
ปัจจุบันคลองมีความสำคัญลดน้อยลงกว่าแต่ก่อน เพราะในด้านการคมนาคมขนส่ง มีทางถนนและทางรถไฟเข้ามาเป็นทางเลือก ให้สามารถเดินทาง และขนส่งสินค้าได้รวดเร็วและสะดวกกว่าลำคลอง ในด้านยุทธศาสตร์ คูเมือง และกำแพงเมือง ก็ไม่อาจป้องกันการโจมตีของข้าศึกศัตรูได้แล้ว เนื่องจากการทำสงครามในปัจจุบัน ใช้อาวุธที่ทันสมัย เช่น ปืนใหญ่ จรวด รถถัง เครื่องบิน สามารถต่อสู้กับข้าศึกศัตรูได้ในระยะไกล
แม้คลองจะมีความสำคัญลดน้อยลงกว่าแต่ก่อน แต่ในประเทศไทยคลองก็ยังคงมีประโยชน์อยู่มาก โดยเฉพาะในบริเวณที่ราบภาคกลางของประเทศ ซึ่งมีแม่น้ำลำคลองเป็นเครือข่ายโยงใยอยู่อย่างหนาแน่น บ้านเรือนของราษฎรจำนวนไม่น้อยที่สร้างอยู่ติดริมคลอง และได้อาศัยคลองเป็นเส้นทางคมนาคมติดต่อภายในท้องถิ่น คลองบางแห่งมีตลาดน้ำ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาขายทางเรือให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น และตลาดน้ำได้กลายเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้มาเที่ยวชมกิจกรรม และความเป็นอยู่ของผู้คนในท้องถิ่น
ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือ คลองต่างๆ หลายแห่งมีน้ำสกปรก เนื่องจากประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลอง ทิ้งขยะ และปล่อยน้ำทิ้ง จากบ้านเรือนลงในคลอง รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำลำคลอง ก็ลักลอบปล่อยน้ำเสียจากโรงงานลงสู่แม่น้ำลำคลอง โดยไม่ได้มีการบำบัดให้เป็นน้ำดีเสียก่อน สาเหตุเหล่านี้ส่งผลให้น้ำในคลองต่างๆ เกิดการเน่าเสีย น้ำที่เคยใสสะอาดเปลี่ยนเป็นสีดำขุ่นข้น และสัตว์น้ำที่เคยมีชุกชุมก็ลดน้อยลง หรือหมดไป ในสมัยก่อนเราเคยเห็นคนจับสัตว์น้ำ เช่น ปลา กุ้ง อยู่ตามแม่น้ำลำคลองทั่วไป มีการตกปลา ตกกุ้ง ทอดแห และบ้านเรือนริมคลองหลายๆ หลัง มีการยกยอ ซึ่งเป็นเครื่องมือจับสัตว์น้ำชนิดหนึ่ง แต่ในปัจจุบันภาพเหล่านั้น หาดูได้ยากแล้ว
สิ่งที่เราควรทำ คือ ต้องช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดของคลอง โดยไม่ทิ้งขยะและสิ่งของเน่าเสียลงในคลอง ไม่ปลูกบ้านเรือนรุกล้ำที่ลงไปในคลอง และช่วยกันทุกวิถีทางที่จะให้คลองในบ้านเรามีน้ำใสสะอาดอยู่ตลอดไป
ความหมายของ "คลอง" ในประเทศไทย หมายถึง ทางน้ำหรือลำน้ำ ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และที่คนขุดขึ้น แต่ถ้าเป็นคลองที่ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า canal แล้ว หมายถึง ทางน้ำหรือลำน้ำที่คนขุดขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ประเทศต่างๆ ในโลกมีคลองที่คนขุดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่คลองที่มีชื่อเสียงมากมีอยู่ ๓ แห่ง คือ คลองสุเอซ (Suez Canal) คลองปานามา (Panama Canal) และคลองหยวนเหอ หรือคลองแกรนด์ (Grand Canal)
คลองสุเอซ
ตั้งอยู่ในประเทศอียิปต์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือสุดของทวีปแอฟริกา ขุดขึ้นระหว่าง พ.ศ. ๒๔๐๒ - ๒๔๑๒ เพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินเรือจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มาออกทะเลแดงในมหาสมุทรอินเดีย โดยไม่ต้องอ้อมตอนใต้สุด ของทวีปแอฟริกา จึงย่นระยะทางเดินเรือจากทวีปยุโรปมายังทวีปเอเชียได้ถึงประมาณ ๖,๔๐๐ กิโลเมตร
คลองปานามา
ตั้งอยู่ในประเทศปานามา ที่คอคอดปานามาในอเมริกากลาง เริ่มขุดใน พ.ศ. ๒๔๒๒ แต่เกิดปัญหา ทำให้การขุด ต้องหยุดชะงักไป และมาขุดต่อใน พ.ศ. ๒๔๔๖ จนแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๔๕๗ การเปิดใช้คลองนี้ ทำให้เรือเดินสมุทรสามารถเดินทางจากทะเลแคริบเบียนในมหาสมุทรแอตแลนติก ไปออกมหาสมุทรแปซิฟิกได้ โดยไม่ต้องไปอ้อมตอนใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ จึงช่วยย่นระยะทางเดินเรือได้ถึงประมาณ ๙,๐๐๐ กิโลเมตร ประเทศที่ได้รับประโยชน์อย่างมากจากการใช้คลองนี้คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถย่นระยะทางเดินเรือติดต่อ ระหว่างชายฝั่งตะวันออกกับชายฝั่งตะวันตกของประเทศ และต่อมายังทวีปเอเชียได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
คลองหยวนเหอ
เป็นคลองที่ขุดขึ้นในประเทศจีน ถือได้ว่า เป็นคลองที่ยาวที่สุด และเก่าแก่ที่สุดของโลก โดยมีความยาว ๑,๖๐๙ กิโลเมตร เริ่มขุดขึ้นตั้งแต่เมื่อ ๓๐๐ ปี ก่อนพุทธศักราช และมีการขุดเพิ่มเติมในเวลาต่อมาอีกหลายครั้ง
ในกรณีของประเทศไทย มีการขุดคลองเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ แต่คลองที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ขุดขึ้นในสมัยอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์ เนื่องจาก ราชธานีทั้งกรุงศรีอยุธยา และกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในภาคกลางตอนล่าง ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำขนาดใหญ่หลายสายไหลผ่าน เหมาะแก่การขุดคลองเชื่อมแม่น้ำเหล่านั้น เพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำ ส่วนสมัยธนบุรี ซึ่งมีราชธานีตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกับกรุงเทพฯ ไม่มีการขุดคลองสำคัญ เนื่องจาก สมัยธนบุรีมีช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง ๑๕ ปี เท่านั้น อีกทั้งต้องทำสงครามสู้รบกับพม่า และสร้างกรุงธนบุรีเป็นราชธานีแห่งใหม่ แทนกรุงศรีอยุธยา
คลอง ที่ขุดขึ้นในสมัยอยุธยา นอกจากภายในตัวเกาะเมือง ซึ่งมีคลองเป็นจำนวนมาก เชื่อมแม่น้ำ ๓ สาย ที่ไหลโอบล้อมกรุงศรีอยุธยา คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรีแล้ว ยังมีคลองที่พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยา โปรดให้ขุดขึ้นอีกหลายแห่ง ในบริเวณลำน้ำเจ้าพระยา ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน คลองเหล่านี้ เรียกว่า "คลองลัด" เพราะเป็นคลองที่ขุดขึ้น เพื่อให้ลำน้ำเจ้าพระยาตอนที่ไหลคดเคี้ยวมากให้ตัดตรงไป เป็นการย่นระยะทางเดินเรือให้สั้นเข้า คลองลัดในลำน้ำเจ้าพระยาที่ขุดขึ้นในสมัยอยุธยา ได้แก่ คลองลัดเกร็ดใหญ่ ในจังหวัดปทุมธานี คลองลัดเกร็ดน้อย คลองลัดเมืองนนท์ ในจังหวัดนนทบุรี คลองลัดบางกอก ในกรุงเทพฯ คลองลัดโพธิ์ และคลองลัดหลวง ในจังหวัดสมุทรปราการ นอกจากนี้ยังมีคลองที่ขุดเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำใกล้เคียงอีก ๒ คลอง คือ คลองสำโรง ขุดเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำบางปะกง และคลองพระพุทธเจ้าหลวง - มหาไชยชลมารค (ปัจจุบันเรียกคลองมหาชัย) ซึ่งเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำท่าจีน
ในสมัยรัตนโกสินทร์ การขุดคลองมีเป็นจำนวนมาก ทั้งภายในกรุงเทพฯ และในจังหวัดอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง การขุดคลองภายในกรุงเทพฯ ในระยะแรกมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นคลองคูเมืองป้องกันการโจมตีของข้าศึกศัตรู การสัญจรทางน้ำ และการระบายน้ำเวลาฝนตกหนัก ในระยะต่อมา เมื่อมีการสร้างถนนเป็นทางให้รถวิ่ง ก็มีการขุดคลอง เพื่อนำดินมาถมเป็นถนน ให้สูงขึ้น ถนนต่างๆ ในกรุงเทพฯ สมัยก่อน จึงมักมีคลองขนานไปกับแนวถนน การที่กรุงเทพฯ มีคลองเป็นจำนวนมาก ทำให้ชาวต่างประเทศขนานนามว่า เป็น เวนิสตะวันออก โดยเปรียบเทียบกับเมืองเวนิส ในประเทศอิตาลี ซึ่งมีคลองเป็นจำนวนมากเช่นกัน เนื่องจากสร้างอยู่บนหมู่เกาะ ในอ่าวเวนิสทางตอนเหนือของประเทศนั้น
นอกจากคลองในกรุงเทพฯ แล้ว ยังมีคลองสายยาวๆ ที่ขุดเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำสายอื่นๆ ในบริเวณภาคกลางตอนล่าง คลองเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์ในการสัญจรทางน้ำ และการนำผลผลิตจากไร่นาในต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อการบริโภคภายในประเทศ หรือเพื่อส่งเป็นสินค้าออก โดยเฉพาะข้าว ซึ่งได้กลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศ ภายหลังการทำสนธิสัญญาเบาว์ริงในรัชกาลที่ ๔ สนธิสัญญาฉบับนี้ประเทศไทยทำกับประเทศอังกฤษ มีใจความสำคัญคือ ให้มีการค้าขายติดต่อกันโดยเสรี ยกเลิกระบบการค้าผูกขาด ยกเว้นสินค้าบางอย่าง ที่ประเทศไทยอาจห้ามมิให้ส่งออกนอกประเทศ หากเกิดการขาดแคลน หรือเกิดทุพภิกขภัย ได้แก่ ข้าว เกลือ และปลา นอกจากนี้ยังมีการกำหนดอัตราภาษีสินค้าขาเข้าในอัตราที่แน่นอนร้อยละ ๓ ส่วนสินค้าขาออก เก็บตามพิกัดที่กำหนดไว้ในหนังสือสัญญา ต่อมาภายหลัง ประเทศไทยได้ทำสนธิสัญญากับประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ ในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย
การทำสนธิสัญญาเบาว์ริงมีผลต่อการขุดคลองต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายสาย เพื่อบุกเบิกที่ดินที่ยังว่างเปล่าให้เป็นไร่นา และเพื่อขนส่งผลิตผลทางการเกษตร จากเขตชนบทเข้ามาในกรุงเทพฯ มีคลองสายสำคัญที่ขุดขึ้น เช่น คลองมหาสวัสดิ์ คลองภาษีเจริญ คลองสวัสดิ์เปรมประชากร คลองประเวศบุรีรมย์ คลองทวีวัฒนา คลองรังสิตประยุรศักดิ์ คลองดำเนินสะดวก คลองที่กล่าวมานี้ ในปัจจุบัน ก็ยังคงใช้เป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำที่สำคัญ ซึ่งเชื่อมกรุงเทพฯ กับเมืองต่างๆ ![]()
สิ่งที่คนไทยทุกคนควรจะช่วยกันอนุรักษ์คลอง ให้อยู่ในสภาพที่ดี คือ ต้องไม่ทิ้งขยะ หรือสิ่งสกปรก ลงไปในคลอง และไม่ปลูกอาคารบ้านเรือนรุกล้ำคลอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง ก็ต้องหมั่นควบคุม ดูแลรักษา น้ำในคลองให้ใสสะอาด โดยการตั้งโรงบำบัดน้ำเสีย ตามจุดต่างๆ และการควบคุมดูแล ไม่ให้โรงงานอุตสาหกรรม ปล่อยน้ำเสียลงในคลองโดยตรง หากทุกคน และทุกหน่วยงานทางราชการ ร่วมมือกันทำเช่นนี้ได้ คลองในประเทศไทยก็คงจะอยู่ในสภาพที่ดีตลอดไป ![]()
|