15,382 Views
Favorite
เอาล่ะ น้อง ๆ ม. 6 หลายคน คงจะได้ผ่านสนามสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาบ้างแล้ว บางคนรอประกาศผล บางคนอาจจะมีที่เรียนผ่านระบบรับตรงหรือโควต้าแล้ว ไม่ว่าน้องจะเข้าคณะไหนก็ตาม จะอ่านหนังสือมาหนักหนาสาหัสมาขนาดไหนก็ตาม พี่อยากบอกว่า “การสอบติดมหาวิทยาลัยเป็นเพียงด่านแรกซึ่งง่ายที่สุด !”
“เนื้อหาที่ใช้ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้น ใช้ความรู้ตั้งแต่อนุบาลจนถึง ม. 6 เลยนะ จะเป็นด่านแรกที่ง่ายที่สุดได้ไง” น้อง ๆ บางคนอาจแย้งพี่มาแบบนี้ และน้อง ๆ หลายคนคิดว่า “การเรียนในมหาวิทยาลัยไม่น่าจะยากหรอก ขอให้สอบติดเข้าไปในคณะที่ต้องการได้ก็พอ” “สอบเข้าไปได้ ก็น่าจะเรียนได้อยู่แล้ว” คืออยากบอกว่า ตอนที่พี่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เคยคิดแบบนั้นแหละ แต่พอเข้ามาเรียนแล้วพบว่ามันกลับตาลปัตร ภาพที่เคยวาดไว้ว่า อยากจะมีชีวิตนิสิต นักศึกษาชิว ๆ เรียนสบาย ๆ เท่ ๆ มันกลับกลายเป็นรายงานล้นมือ เรียนทั้งวัน กิจกรรมเยอะแยะ การบ้านกองมหึมาเต็มไปหมดเลย
หากน้องคิดว่าการอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยมันหนักแล้ว พี่จะแชร์ว่า การสอบมิดเทอมหรือไฟนอล แต่ละครั้งในรั้วมหาวิทยาลัยมันหนักกว่าการสอบเข้ามาก เรียนอยู่มหาวิทยาลัย 4 ปี เปรียบเสมือนได้สอบเอนทรานฑ์เป็น 10 รอบเลย ช่วงสอบแต่ละที ชีวิตจะพังมาก ๆ หนักหนาสุด ๆ ทั้งนี้เพราะเนื้อหามันเยอะกว่ามาก อีกทั้งข้อสอบในมหาวิทยาลัยจะเน้นเป็นวิเคราะห์มากขึ้น ข้อเขียนมากขึ้น ข้อสอบ Choice น้อยลง ซึ่งน้อง ๆ ที่ถนัดเรื่องการตัดช้อย จะอยู่ยากทันที เพราะไม่เคยได้ฝึกวิเคราะห์มา จึงจำเป็นต้องปรับตัวและหาวิธีอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
พี่เล่าแบบนี้ไปแล้ว ไม่ใช่ว่าน้องเอาแต่เรียน เรียน และเรียน อย่างเดียวนะครับ น้องต้องแบ่งเวลามาทำกิจกรรมด้วยนะครับ การเรียนให้ความรู้ทางวิชาการ แต่กิจกรรมให้ทักษะในการใช้ชีวิต อีกทั้งให้เพื่อน สังคมใหม่ ๆ ที่สำคัญคือคลายเครียดได้ด้วยครับ น้องต้องพยายามแบ่งเวลาให้เหมาะสมนะครับ
สุดท้าย ต้องบอกน้อง ๆ ว่าบทความนี้ ไม่ได้จะมาขู่น้อง ๆ นะครับ ว่าจะเจออะไรบ้างในรั้วมหาวิทยาลัย ในที่นี้พูดถึงความหนักของการเรียน แต่พี่อยากจะให้น้องรับมือ เตรียมความพร้อม แบ่งเวลาดี ๆ จัดการตัวเองให้อยู่ในความไม่ประมาทในการเรียน และพร้อมปรับตัวให้อยู่รอดตลอดการเรียน 4 ปี ในรั้วมหาวิทยาลัย (บางคณะ 5 หรือ 6 ปี) เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคนครับ
เรื่อง : พี่บอส วรุตม์ เก่งกิตติภัทร
