บุ๊คโกะทำงานตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว รับจ็อบขายของนู้นนี่นั่น มีขายน้ำอัดลมแบบใส่กระติก เป็นเอ็กตร้าละคร (นักแสดงประกอบ) กับเพื่อน ๆ ก็จะเป็นการบอกต่อ พอเริ่มมาอยู่มหา'ลัยก็จะรับทำงานพวกออกอีเวนท์เป็นแบ็กสเตจ รุ่นพี่ชักชวนบ้าง และก็มีออแกไนเซอร์บ้าง ส่วนใหญ่เป็นการบอกต่อมากกว่าค่ะ ไม่ได้ไปสมัครเองเพราะเราไม่รู้ว่าสมัครยังไงตอนนั้น เลยเป็นการบอกต่อจากเพื่อน มีรุ่นพี่ชวนไป อย่างทีมออแกไนเซอร์เวลาเขาจะหาคน จะบอกผ่านเพื่อนผ่านรุ่นพี่มากกว่าว่าจะใช้คนเท่าไรค่ะ
บุ๊คโกะว่ามันฝึกความอดทน ที่สำคัญคือทำให้ตัวเราเองได้เปรียบกว่าคนอื่น และได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วทีมงานเบื้องหลังต้องการอะไร เพราะว่าตอนนี้เราเองก็เป็นเบื้องหน้าด้วย เราเลยรู้ว่าเออจริง ๆ แล้วความต้องการของเบื้องหลังกับเบื้องหน้า ก็เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำให้ไม่ยากที่จะทำความเข้าใจและก็ปรับตัวค่ะ
จริง ๆ ก็เป็นนักศึกษาทั่วไปค่ะ เรียนนิเทศศาสตร์ ชอบวงการบันเทิง เวลารุ่นพี่มีกิจกรรมอะไร เราก็ร่วมทำกิจกรรม พอเขาเห็นว่าเราทำนู้นทำนี่ได้ เขาก็ชวนมาลองรับจ็อบเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวงการบันเทิงมาเรื่อย ๆ ช่วงฝึกงานก็อยู่ในสายบันเทิง หลังจากนั้นก็ได้เข้ามาในวงการบันเทิงเพราะว่าได้ไปเป็นพิธีกรรายการทีวีช่องเคเบิ้ล พอทำแล้วคนเห็นก็มาทำเดโมที่เอไทม์
ผลงานที่เป็นที่รู้จักน่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องตั๊ดสู้ฟุด แต่ก่อนหน้านั้นก็มีเข้าเรียลลิตี้ก็ไม่ได้ดังอะไรมาก แต่ที่ทำให้คนรู้จักเลยก็คือมาเป็นดีเจที่เอไทม์ ตอนนั้นคนก็เซอร์ไพรส์มากเพราะว่าไม่คิดว่าเราจะได้ อันนี้เราก็ไม่คิดว่าเราจะได้เหมือนกันเพราะว่าการที่จะเป็นดีเจในตึกแกรมมี่ได้มันยิ่งใหญ่มาก เหมือนผู้ใหญ่เขาเห็นอะไรในตัวเรา ถามว่ามันเปิดกว้างไหม มันก็ไม่ได้เปิดกว้างขนาดนั้น แต่เราเป็นดีเจที่พูดค่ะ น่าจะเป็นคนแรกด้วยซ้ำ มาพูดค่ะพูดขาอะไรแบบนี้ในแกรมมี่ ตอนนั้นเรายังเด็กมาก พอได้รับโอกาสเราดีใจนะ ประทับใจมาก ปีนั้นก็ดังมากจริง ๆ เป็นปีแรกที่เข้ามาแล้วก็ดังเลย
บุ๊คโกะก็เป็นตัวเองไม่ได้แอ๊บ เรามีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ใช้ความเป็นตัวเองและมีสัมมาคารวะ ใช้ในสิ่งที่เรามีในการนำเสนอความสามารถของเราเองค่ะ
ตอนนี้เป็นดีเจเกือบจะ 10 ปีแล้วค่ะ สำหรับบุ๊คโกะคิดว่าไม่เปลี่ยนแปลงเลย เพราะคนก็ยังฟังวิทยุเหมือนเดิม มีหลายคนบอกว่าช่วงที่ทีวีดิจิตอลเข้ามาจะมีผลทำให้วิทยุกำลังจะตาย ปรากฎว่าวิทยุก็ไม่ตายเพราะทุกวันนี้คนก็ยังฟังวิทยุอยู่ บุ๊คโกะว่าสิ่งทีทำให้คลื่นวิทยุหลายคลื่นปิดตัวไป เพราะว่าเขามีจุดอ่อนมากกว่าจุดแข็ง สำหรับเราเอไทม์แต่ก่อนมี 4 คลื่นวิทยุ เหลือ 3 คลื่นวิทยุ แต่ก็ยังอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ เพราะว่าเรามีจุดแข็ง แค่เราปรับเปลี่ยนตัวเองให้มันอยู่ในเทรนด์ปัจจุบันมากกว่า ถ้าเรายังไม่ตกยุค ถ้าเรายังตามเทรนด์อยู่ เพราะฉะนั้นบุ๊คโกะว่าวิทยุมันไม่ตายนะ มันก็ยังอยู่กับคนไทย ทุกวันนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมืองไทยก็เหมือนเมืองนอก เวลาขับรถก็ต้องเปิดวิทยุถูกป่ะ มีคลื่นวิทยุต่าง ๆ อย่าบอกว่ามีแค่โทรศัพท์แล้วเปิดโทรศัพท์ดูทีวี ฟังเสียงตอนขับรถ นอกจากจะเปิดแอปพลิเคชัน มันก็คือวิทยุเหมือนกัน เพราะตอนนี้วิทยุมันก็ไม่ได้มีแค่แบบฟังทางวิทยุอย่างเดียว มันยังมีออนไลน์ บุ๊คโกะว่าเทคโนโลยีมันก้าวไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นวิทยุมันไม่มีวันตาย
บุ๊คโกะคิดว่าเทคโนโลยีมันขึ้นอยู่กับตัวเรา ถ้าเราก้าวทันเทคโนโลยีมันก็ไม่มีผลกระทบ อย่างบุ๊คโกะเป็นคนที่มีโซเชียลมีเดีย ค่อนข้างที่จะติดโซเชียลด้วย เพราะฉะนั้นเราจะรู้ว่าเทรนด์อะไรกำลังมา
สำหรับบุ๊คโกะเองไม่ได้จัดแบบเปิดเพลงนะ บุ๊คโกะจัดทอล์กเป็นการพูดคุยกับแฟนคลับกับคนฟัง เพราะบุ๊คโกะจัดแฉ อ่านข่าวบันเทิง ดีเจที่เปิดเพลงเขาก็มีเสน่ห์ในแบบของเขา สำหรับบุ๊คโกะต้องยอมรับว่าการจัดทอล์กมันได้ตอบโต้กับคนฟัง มันเป็นการอัพเดตเรื่องราว คนน่ะอ่านข่าวอ่านเองได้ แต่คนชอบฟังคนเล่าข่าว ไลฟ์สไตล์การเล่าหรือว่าคาแรกเตอร์ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน มันทำให้มีบุ๊คโกะได้จนถึงทุกวันนี้
นอกจากฐานะดีเจแล้วบุ๊คโกะก็เป็นพิธีกร นักแสดง พิธีกรอีเวนท์ อย่างละครเราก็ได้รับบทบาทตามละครแต่ละเรื่องที่เราได้รับมา ส่วนดีเจก็ได้รับมอบหมายการอัพเดตข่าวให้มันดูน่าสนใจและให้คนติดตามเพราะอย่างที่บอกว่าข่าวบันเทิงเดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็อ่านข่าวบันเทิงได้ แต่การที่คุณจะเป็นตัวท็อปมันทำยากนะคะ พอเราทำงานได้หลากหลายรูปแบบ เราก็เลยรู้สึกว่าเราไม่ได้เก่งแค่อย่างเดียว เราเก่งรอบด้านนี่แหละ มันทำให้เราอยู่ได้ สำหรับบุ๊คโกะนะ
จริง ๆ แล้วเราก็เดินมาเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะบุ๊คโกะคิดว่าเราเดินขึ้นบันได มันต้องเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ บุ๊คโกะยังไม่เห็นว่าตรงไหนคือจุดสิ้นสุด เราเดินเพื่อพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ
งานหลัก ๆ ของบุ๊คโกะ ตอนนี้คิดว่าที่ทำเกือบจะเป็นประจำทุกวันคือวิทยุค่ะ แต่ว่าก็มีละครเข้ามา ซึ่งละครนี่มีถ่ายค่อนข้างเยอะเลย อย่างที่บอกประมาณเดือนหน้าก็จะมีละครออนแอร์อย่างเรื่องบ่วงนฤมิตร ละครคน ต่อด้วยระเริงไฟ และตบท้ายปีด้วยเล่ห์ลับสลับร่าง เรื่องใหม่ที่ติดต่อมาอีกสองสามเรื่องก็ยังไม่ได้รับเลยค่ะ ยอมรับว่ามีคนติดต่อมาเยอะ แต่อยู่ในขั้นตอนการพูดคุย เพราะว่าตอนนี้ก็เน้นให้กับธุรกิจของบุ๊คโกะด้วยเพราะว่ามันไปได้สวยจริง ๆ
บุ๊คโกะคิดว่าคนเราต้องมีการพัฒนา และที่สำคัญคือเราจะไม่หยุดนิ่งย่ำอยู่กับที่ เพราะบุ๊คโกะเชื่อว่า ถ้าเราทำอะไรเดิม ๆ คนจะเบื่อ บุ๊คโกะไม่เคยทำอะไรเดิม ๆ เลยนะ บุ๊คโกะมีแต่จะพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ การแต่งตัว การอัพเดตเทรนด์แฟชั่น การดูแลรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ เพราะบุ๊คโกะคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญในวงการบันเทิง ก็เหมือนกับเรากินข้าวผัดซ้ำ ๆ ทุกวัน มันก็ไม่อร่อยละ
สำหรับบุ๊คโกะคิดว่ามันเริ่มที่ตัวเองก่อน คือเราสามารถมีคนอื่นเป็นไอดอลได้ แต่เราต้องให้กำลังใจตัวเองก่อน บุ๊คโกะคิดว่าบุ๊คโกะอยากสวย อยากผอม อยากสุขภาพดี เพราะหลายปีที่ผ่านมาสุขภาพไม่ดี ถึงแม้ว่าเราจะอ้วนแต่เราก็พริ้ว สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อันดับแรกบุ๊คโกะเลือกลดน้ำหนัก เคยหนัก 130 กก. แล้วตอนนี้เหลือ 90 กก. เราออกกำลังกายด้วย ดูแลตัวเองด้วย เมื่อเราดูแลตัวเองไปเรื่อย ๆ เริ่มต้นจากตัวเองแล้วมีความสุข เราสามารถบอกต่อคนอื่นได้ว่ามีความสุขแบบไหน
ที่สำคัญบุ๊คโกะคิดบวกตลอดเลยนะ ทุกวันนี้ทำงานเยอะถ้าเกิดเราคิดลบแล้วเรามัวแต่เครียด สุขภาพหน้าตา ผิวพรรณอะไรก็แล้วแต่ส่งผลหมด บุ๊คโกะคิดว่าอาหารการกินก็สำคัญ เดี๋ยวนี้บุ๊คโกะกินคลีนสะอาดขึ้น ลดละเลิกเนื้อสัตว์ได้เยอะเหมือนกัน ก็เน้นผัก เน้นซุป เราก็รู้สึกว่าเออสุขภาพเราดีขึ้นค่ะ
มองว่าน่าจะประสบความสำเร็จในธุรกิจ และงานในวงการบันเทิงมากกว่านี้ เพราะคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เราชอบในวงการบันเทิง แต่ธุรกิจบุ๊คโกะก็อยากประสบความสำเร็จมาก ซึ่งบุ๊คโกะจะทำให้ได้ค่ะ
เรื่อง : กัลยาณี แนวเล็ก