นักเตะต่างชาติที่มีชื่อเสียงในอดีตผ่านประสบการณ์ในเวทีฟุตบอลยุโรป ย้ายมาทำมาหากินในประเทศเราเพิ่มเยอะมากขึ้น อย่างในฤดูกาลที่แล้วการเขามาของ “ ฟลอรองต์ ซินามา-ปงโกลล์ “ อดีตศูนย์หน้าลิเวอร์พูลกับสโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล หรือดีกรีแข้งทีมชาติคอสตาริกาอย่าง อาเรียล โรดิเกซ กับสโมสรใหญ่อย่างบางกอกกล๊าส หรือจะเป็น ลิรอย ลิต้า อดีตกองหน้าชื่อดังในพรีเมียร์ลีก กับสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี
วันนี้เลยขอคัดสรรแข้งต่างชาติระดับคุณภาพ ในอดีตที่เคยวาดลวดลายผ่านสมรภูมิเวทีแข้งไทยลีกของเรามาให้รับชมกันว่ามีใครกันบ้าง ติดตามไปพร้อม ๆ กันได้เลย ...
แจ้งเกิดจากการคว้าแชมป์เยาวชนเอฟเอ ยูธคัพกับทีมอาร์เซน่อล ก่อนที่ในปี 2002 ได้ทำเรื่องสุดแสบย้ายข้ามฟากไปร่วมทีมอริตลอดกาลอย่างท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ โดยริกเก็ตต์ส อยู่โยงยาวกับทีมไก่เดือยทองถึง 3 ปี ผ่านการร่วมงานกับนักเตะชื่อดังทั้ง เฟเดริก กานูเต้ , เล็ดลี่ย์ คิง , ร็อบบี้ คีน ภายหลังปี 2005 ได้ออกจากทีมดังแห่งเมืองหลวงลอนดอน โยอัน ริกเก็ตตส์ กลายสภาพเป็นนักเตะพเนจรย้ายถิ่นฐานการค้าแข้งเป็นว่าเล่น โดยนับจากปี 2005 – 2013 เจ้าตัวค้าแข้งไปถึง 12 สโมสรไปทั่วแทบทุกทวัน ทั้ง ฮังการี , เยอรมัน , อินเดีย , เอกวาดอร์ ฯลฯ
ก่อนที่ในปี 2014 จะโยกมาค้าแข่งกับทีมน้องใหม่ไทยพรีเมียร์ ลีกในขณะนั้นอย่าง “ พีทีที ระยอง ” แต่ริกเก็ตตส์ส่วนมากใช้เวลาในการท่องราตรียามค่ำคืนเสียมากกว่า ใช้เวลาในสนามฟุตบอลทำให้เจ้าตัวได้ลงสนามเพียง 348 นาที ก่อนใช้เวลาในเมืองไทยได้ไม่ครบปี และต้องพเนจรไปค้าแข้งในยังดินแดนอื่นต่อไป
อดีตเด็กปั้นของอาร์แซน เวนเกอร์ โดยซิมป์สันได้เข้าสู่อคาเดมี่ของอาร์เซน่อลตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ เติบโตมาพร้อม ๆ กับแจ็ค วิลเชียร์ กองกลางทีมชาติอังกฤษ แต่ตัวซิมป์สันไม่มีโอกาสลงเล่นชุดใหญ่กับทีมปืนโต สักนัดเดียวทำให้ต้องระหกระเหินย้ายไปทีมอื่นด้วยสัญญายืมตัวไม่ว่าจะเป็น มิวล์วอลล์ , เวสต์บรอมวิช และควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ก่อนที่ ฮัลล์ ซิตี้ จะมาเซ้งรับช่วงต่อในปี 2010 โดยลงเล่นให้ทีมโลโก้ตราเสือไป 78 นัดทำไป 12 ประตู
ก่อนที่ปี 2013 จะสร้างเสียงฮือฮาทั่วจังหวัดบุรีรัมย์และประเทศไทย ด้วยการย้ายข้ามน้ำข้ามทะเลมาลงหลักปักฐานกับสโมสรดังแถบภาคอีสานอย่าง “ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ” และเปิดตัวสุดสวยด้วยการลงมาเป็นตัวสำรองยิงประตูชัยให้ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอาชนะเอสซีจี เมืองทอ ยูไนเต็ด 1-0 ในนัดชิงถ้วยพระราชทาน ก. อย่างไรก็ตามนั้นเป็นเพียง 1 ใน 3 ประตูที่ซิมป์สันยิงให้ต้นสังกัด ก่อนต้อของยกเลิกสัญญาหลังลงเล่นให้กับบุรีรัมย์ยูไนเต็ดเพียงเลกเดียวเท่านั้น
ปัจจุบันเจย์ ซิมป์สันค้าแข้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกากับสโมสร ฟิลาเดลเฟีย ยูเนียน
อีกหนึ่งผลผลิตจากอคาเดมี่อาร์เซน่อล เติบโตและได้ลงสนามช่วยทีมสีแดงแห่งเมืองลอนดอนไปทั้งหมด 67 เกมทำไป 14 ประตู ก่อนที่ปี 1990 ได้ย้ายทีมสู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วยค่าตัว 8 แสนปอนด์พร้อมระเบิดประตูเป็นกอบเป็นกำ ตลอด 6 ปีที่สวมเสื้อสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์ ก่อนที่ควินน์จะย้ายตัวอีกครั้งโดยครั้งนี้ไปอยู่ ซันเดอร์แลนด์ โดยจับคู่กับเควิน ฟิลลิปส์ กระหน่ำไป 44 ประตู
และในปี 2002 ควินน์ได้ร่วมทัพทีมชาติไอร์แลนด์เข้าการแข่งขันฟุตบอลโลก และนี้คือทัวร์นาเม้นท์สุดท้ายของเจ้าตัวก่อนอำลาประกาศแขวนสตั้ด
แต่ในปี 2006 ควินน์ได้ปรากฏกายในสีเสื้อบีอีซี เทโรศาสน ที่สนามหนองจอก ในนัดที่มังกรไฟเปิดบ้านเจอกับสโมสรพนักงานยาสูบ โดยอดีตเด็กปั้นอาร์เซน่อลลงจับคู่ธีรเทพ วิโนทัย ลงล่าตาข่ายและพาทีมคว้าชับชนะได้สำเร็จ แต่นั้นเป็นเพียงครั้งเดียวที่ควินน์สวมเสื้อสีแดงของบีอีซี เทโรศาสนแท้จริงควินน์มาเพื่อโปรโมทสโมสรอาร์เซน่อล ที่เป็นพันธมิตรกับทีมมังกรไฟในตอนนั้นเท่านั้น
แต่การลงสนามของ ควินน์ ก็ถูกจดบันทึกลงสถิติการแข่งขันด้วย เป็นอีกหนึ่งแข้งระดับตำนานที่มาลงสนามเล่นในไทย ลีก
ปราการหลังร่างใหญ่จากประเทศสเปนเติบโตมาจากสโมสรราซิ่ง ซานตาเดร์ โดยลงเล่นในทีมชุด B ของราซิ่งไปทั้งหมด 64 นัดก่อนถูกซาลามังก้า เบยืมตัวไปใช้งานหนึ่งฤดูกาล ก่อนกลับมาเล่นให้ชุดใหญ่ของราซิ่งไปทั้งหมด 13 นัด
ก่อนที่ปี 2012 ออสมาร์ อิบันเญช จะนั่งเครื่องบินข้ามทะเลมาสู่ดินแดนสยามเปิดตัวกับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงตลาดนักเตะเลกที่ 2 ในช่วงครึ่งปีแรกออสมาร์ได้ลงทำการแข่งขันพียงแค่ฟุตบอลถ้วย 2 รายการ เพราะในทีมปราสาทสายฟ้าได้ส่งรายชื่อนักเตะต่างชาติครบโควตาไปแล้ว
ออสมาร์ อิบันเญซ ได้ประกาศอำลาทีมต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองในงานเลี้ยงฉลองวันปีใหม่ก่อนที่จะไปร่วมทีม “ เอฟซี โซล ” ในประเทศเกาหลีใต้ ทำให้ออสมาร์กลายเป็นตำนานแห่งทีมดังภาคอีสานแห่งนี้ และยังคงครองใจสาวกบุรีรัมย์อยู่จนถึงทุกวันนี้
กองหน้าดีกรีทีมชาติอังกฤษ ผู้ผ่านสังเวียนประสบการณ์พรีเมียร์ อังกฤษมาแล้ว เริ่มต้นเส้นทางสายฟุตบอลกับศูนย์อคาเดมี่ของอาร์เซน่อล ก่อนถูกโคเวนทรีซื้อตัวไปในราคา 1 ล้านปอนด์ โดยแสดงฝีเท้าที่โคเวนทรีอยู่ 3 ฤดูกาลก่อนเก็บกระเป๋าไปค้าแข้งกับเปรูจาในอิตาลีก่อนกลับมายังเกาะร่ำรวยเชื้อชาติอีกครั้งกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ , ชาร์ลตัน , วูล์ฟแธมป์ตัน และสโต็ค ซิตี้
ช่วงขาขึ้นของตัวตัวอยู่ที่ 2008 ในลีกพระรองอย่างแชมป์เปี้ยนส์ชิพ อังกฤษกับคาร์ดิฟ ซิตี้ จนถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติอังกฤษในยุคของกุนซือ “ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ” โดยได้ลงเป็นตัวสำรองนัดอุ่นเครื่องพบทีมชาติฝรั่งเศสแทน แอนดี้ แคร์โรลล์ ในนาทีที่ 72 และในปี 2011 โบธรอยด์ ได้ย้ายทีมอีกคำรบคราวนี้กลับเมืองหลวงกับ ควีนพาร์ค เรนเจอร์
และในปี 2014 “ เจย์โบ ” ได้ออกมาหาความท้าทายใหม่กับเวทีฟุตบอลไทยพรีเมียร์ ลีกกับสโมสรเอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด โดย 1 ปีของเจย์โบในรั้วเอสซีจีทำไปเพียง 6 ประตู จากการลงสนาม 16 นัดไม่สามาถคว้าแชมป์มาครองไว้ได้
โดยในปัจจุบันเจย์ โบธรอยด์ค้าแข้งอยู่กับ จูบิโล อิวาตะในแดนอาทิตย์อุทัย ประเทศญี่ปุ่น
และในปี 2011 สโมสร วีวีวี-เวนโล่ ทีมในประเทศฮอนแลนด์ได้จัดการดึงตัวเซ็นสัญญา 3 ปีด้วยผลงานลงสนาม 69 นัด กระหน่ำไป 7 ประตู
หลังหมดสัญญาจาก วีวีวี-เวนโล โรเบิร์ต คัลเลน ได้เดินทางที่เมืองไทยเพื่อเซ็นสัญญากับสโมสร “ สุพรรณบุรี เอฟซี ” ช่วยทีมช้างศึกสู่ศึกไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2014 โดยในปีนั้นหนุ่มใหญ่วัย 29 ปี สอยตาข่ายคู่แข่งให้สุพรรณบุรีไป 7 ประตู หลังจากลงเล่น 22 นัด ก่อนที่จะย้ายทีมออกไปในปีถัดมา
ปัจจุบันโรเบิร์ต คัลเลน อยู่กับสโมสร “ นอร์ทอีสต์ ยูไนเต็ด ” ในลีกประเทอินเดีย
จากนั้นฤดูกาล 2007 นาเด้ได้ย้านทีมไป ฮาร์ทส์ ทีมในสกอตแลนด์และโยกย้ายตัวเองไปลีกไซปรัสแต่ก็อยู่ได้แค่ปีเดียว และออกมาท้าทายในอาชีพนักฟุตบอลอีกครั้งกับดินแดนทวีปเอเชีย
สโมสรทีโอที และโอสถสภาคือทีมที่นาเด้เข้ามาทดสอยฝีเท้าด้วย แต่สุดท้ายไปเซ็นสัญญากับสโมสร สมุทรสงคราม ทีมในไทยพรีเมียร์ลีกโดย 2 ปีของนาเด้กับทีมปลาทูคะนองด้วยประสบการณ์ที่ผ่านเวทีลูกหนังในยุโรปมาแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะครองใจแฟน ๆ สมุทรสงครามได้ไม่ยาก
ก่อนที่ปี 2013 คริสเตียน นาเด้ย้ายไปสู่ทีมพีทีที ระยอง แต่ก็สามารถเล่นได้แค่ปีเดียวและกลับไปค้าแข้งในลีกสกอตแลนด์อีกครั้งจนถึงปัจจุบัน
คริสเตียน นาเด้ ปัจจุบันเล่นอยู่กับสโมสร “ ดัมบาร์ตัน “ ทีมในลีกพระรองของประเทศสกอตแลนด์
ศูนย์หน้าร่างโย่งสัญชาติออสเตรีย เริ่มต้นจาดทีมเยาวชนท้องถิ่นอย่าง ดีเอสวี ลีโอเบน ในประเทศบ้านเกิด ก่อนย้ายถิ่นฐานไปฝึกฝีเท้ากับ 1860 มิวนิค ในประเทศเยอรมัน โดย 2 ปีให้หลังลินซ์ ได้กลับสู่บ้านเกิดอีกครั้งกับสโมสรเดิมพร้อมกระหน่ำ 27 ประตู จากการลงเล่น 53 นัด ก่อนถูกยักษ์ใหญ่ในออสเตรียอย่าง “ ออสเตรีย เวียนนา ” ดึงตัวไปร่วมทีมพร้อมฉายแววดาวดังด้วยการกระทุ้งไปถึง 26 ประตูจาก 81 นัดที่ลงรับใช้ต้นสังกัด คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ออสเตรีย และออสเตรียคัพ มาครอบครอง
โดยหลังฤดูกาล 2003 ลินซ์ได้ย้ายออกจากออสเตรีย เวียนนาพเนจรไปถึง 7 สโมสรก่อนที่ปี 2010 จะได้กลับมาที่ออสเตรีย เวียนนาอีกคำรบครั้งนี้ก็ยังฟอร์มแรงหยุดไม่อยู่ด้วยการสอยตาข่ายช่วยสโมสรได้ 40 ประตู จากการรับใช้สโมสร 86 นัด
ก่อนที่ปี 2013 โรแลนด์ ลินซ์ ถูกกระชากตัวมายังดินแดนประเทศไทยด้วยน้ำมือ “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” โดยประตูของเจ้าตัวเพียงประตูเดียวที่สังหารได้เกิดขึ้นในเกมที่กิเลนผยองเปิดบ้านเอาชนะ สงขลา ยูไนเต็ด 3-0 ด้วยหนึ่งในนั้นเป็นประตูของกองหน้าร่างโย่งผู้นี้ และแยกทางกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังสิ้นสุดฤดูกาลนั้นเพียงเท่านี้
ต่อมาในปี 2014 คิม ดอง จิน ได้เข้ามาค้าแข้งในสยามประเทศ กับสโมสร “ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ” ถือว่าเป็นปราการหลังตัวหลักของสโมสรตลอดการค้าแข้ง 2 ฤดูกาลที่นี่โดยลงสนามไปทั้งหมด 60 นัดทำได้ 2 ประตู โดยปัจจุบัน อดีตกองหลังทีมชาติเกาหลีใต้ค้าแข้งอยู่กับสโมสร “ คิตฉี ” ในประเทศฮ่องกง
ปราการแนวรับดีกรี ทีมชาติเวเนซุเอล่า เริ่มต้นจากเยาวชนของโรงเรียนโรซาเลีย เด กัสโตร โดยเป็นนักเตะให้สโมสรเยาวชนแห่งนี้ถึง 5 ปี ก่อนที่ปี 2002 จะเข้าสู่ทีมเยาวชนของกอมโปสเตล่าหลังจากนั้นได้ 2 ปี ตูเนซถูกดึงตัวไปร่วมทีมเซลต้า บีโก้
ในช่วงแรกตูเนซลงเล่นในทีม เบ หรือทีมสำรองของสโมสรก่อนที่ปี 2010 จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของสโมสรโดยลงเล่นไปทั้งสิ้น 82 นัดทำได้ 3 ประตู ก่อนที่ฤดูกาล 2013 จะถูกปล่อยยืมให้กับทีมเบย์ต้า เยรูซาเล็ม สโมสรจากอิสราเอล พรีเมียร์ลีกโดยตูเนซลงเล่นที่นี่ไปทั้งหมด 23 นัดด้วยกัน
และในปี 2014 อันเดรส ตูเนซ ได้ตัดสินใจยกเลิกสัญญากับเซลต้า บีโก้ แล้วเดินทางมาเมืองไทยเพื่อหาความท้าทายใหม่ในต่างดินแดนกับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก่อนช่วยต้นสังกัดกวาดทุกแชมป์และเป็นกองหลังที่ทำสถิติยิงประตูได้ถึง 17 ประตู ส่วนฤดูดกาลต่อมาถึงทีมจะไม่สามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้แต่เจ้าตัวสามารถเบิกสกอร์จากการเป็นแนวรับได้ถึง 19 ประตู รวมแล้วลงสนามให้ทีมปราสาทสายฟ้าไปทั้งสิ้น 106 นัด ยิงไป 38 ประตู ถือว่าสถิติการทำประตูดีกว่ากองหน้าบางคนด้วยซ้ำ
โดยล่าสุดอันเดรส ตูเนซ ได้ย้ายกลับไปประเทศสเปนในสัญญายืมตัวกับสโมสรเอลเช่ ในเซกุนด้า สเปนด้วยระยะเวลา 6 เดือน
ในฤดูกาล 2007 หลังออกจากลิเวอร์พลูในเวอร์ชั่นภาคที่ 2 ฟาวเลอร์ ก็ย้ายไปอีก 2 สโมสรในลีกอังกฤษกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ ก่อนย้ายข้ามทวีปมาเซ็นสัญญากับสโมสรในประเทศออสเตรเลีย
และในปี 2011 “ เดอะ ก็อด “ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการฟุตบอลบ้านเราด้วยการย้ายมาค้าแข้งกับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยวัย 36 ปีถึงแม้จะไม่มีสปีดที่รวดเร็วเหมือนในอดีต แต่ด้วยชื่อเสียงของเจ้าตัวก็เรียกเสียงฮือฮาจากเดอะ ค็อปได้ทั่วสารทิศ
ฟาวเลอร์ ใช้ชีวิตอยู่กับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ดได้ 1 ปีทั้งในฐานะผู้เล่นและเฮดโค้ชชั่วคราวเป็นครั้งแรกในบทบาทหน้าที่นี้ และทำ 2 ประตูในสีเสื้อกิเลนผยองก่อนทั้งคู่จะแยกทางกันหลังจบฤดูกาลนั้น