เมื่อเด็กวัยนี้ได้รับความรัก ความอบอุ่น อาหาร การดูแลเอาใจใส่ที่เหมาะสม เพียงพอ และสม่ำเสมอ เช่น เมื่อหิว ก็มีคนให้นม เมื่อร้องโยเยไม่สบายตัว ก็มีคนมาอุ้ม มาดูแล เมื่อร้องไห้ ก็มีคนคอยปลอบโยน เมื่อขับถ่ายออกมา ก็มีคนดูคอยดูแลทำความสะอาดให้ เด็กก็จะเกิดความเชื่อมั่น ไว้วางใจในตัวคนที่ดูแล และไว้วางใจต่อสภาพแวดล้อมของตน รู้สึกว่าโลกนี้ปลอดภัย สามารถไว้วางใจได้ เกิดความมั่นคงทางใจ ทำให้เด็กมีอารมณ์ดี และมีการปรับตัวที่ดี
แต่ถ้าเด็กในช่วงวัยนี้ไม่ได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอเพียงพอ เด็กจะรู้สึกว้าเหว่ ไม่ไว้วางใจคน ไม่วางใจโลก รู้สึกว่าโลกนี้ไม่ปลอดภัย ทำให้เด็กหวาดระแวง ขี้กลัว รู้สึกไม่มั่นคงทางจิตใจ ซึ่งความรู้สึกไม่ไว้ใจ ไม่มั่นคงทางจิตใจนี้ หากไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะส่งผลเสียต่อพัฒนาการของเด็กในวัยต่อ ๆ มา และทำให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาเรื่องการไว้วางใจในที่สุดค่ะ
ในช่วงวัยนี้ เด็กจะมีพัฒนาการทางกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น สามารถควบคุมเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น และควบคุมการขับถ่ายของตนได้ดีขึ้น ทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองมีอิสระที่จะทำในสิ่งที่ต้องการได้ ซึ่งหากเด็กวัยนี้ได้รับอิสระในการสำรวจสิ่งแวดล้อม มีอิสระในการเลือก คิด ตัดสินใจ เช่น การเล่นอิสระที่เด็กเลือกเล่นเอง การฝึกทดลองทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง ก็จะทำให้เด็กรู้สึกมีอิสระ มีความมั่นใจในความสามารถของตนเอง รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง สามารถควบคุมตนเองได้ รู้สึกภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง
สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยการสนับสนุน ให้โอกาส ให้อิสระแก่เด็กในการทดลองทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองภายใต้การดูแลของผู้ปกครองด้วยความรักความเอาใจใส่ อย่างไม่บีบบังคับหรือจู้จี้กับเด็กมากเกินไป แต่ถ้าหากเด็กไม่ได้รับการสนับสนุนความเป็นอิสระนี้ หรือถูกบังคับควบคุมอย่างเข้มงวดมากเกินไป เด็กก็จะรู้สึกละอาย คับข้องใจ จนอาจมีพฤติกรรมถดถอยเหมือนเบบี๋เล็ก ๆ อีกครั้ง เกิดความสงสัย อับอาย ไม่แน่ใจในความสามารถของตน มีพฤติกรรมยอมตามผู้อื่นเรื่อยไป กลายเป็นเด็กที่ไม่มั่นใจในตนเองในที่สุด
เด็กในวัยนี้จะพยายามแสดงความสามารถใหม่ ๆ ออกมา ซึ่งถ้าเด็กได้รับการส่งเสริมให้มีอิสระและความมั่นใจ ด้วยการให้เด็กได้คิดริเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง เช่น แต่งตัวเอง ติดกระดุมเสื้อเอง ส่งเสริมให้เด็กได้เล่น ได้ประดิษฐ์ ได้ฝึกการใช้ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ได้ริเริ่มสร้างสรรค์การเล่นด้วยตนเอง ก็จะช่วยพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของเด็ก เป็นการฝึกให้เด็กมีความคิดริเริ่ม เป็นผู้นำในการตัดสินใจต่าง ๆ แม้จะพบกับปัญหาหรือความล้มเหลว เด็กก็จะตั้งต้นใหม่ได้เร็ว เพราะมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่จะแก้ไขปัญหา
แต่หากเด็กไม่ได้รับการส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ หรือถูกตำหนิ บังคับ ควบคุมมากจนเกินไป เด็กก็จะเกิดความรู้สึกผิด ไม่กล้าทำอะไรด้วยตนเอง เพราะกลัวทำผิดซ้ำอีก ทำให้เด็กขาดความเป็นผู้นำ ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการทำสิ่งใหม่ ๆ แสดงความสามารถใหม่ ๆ ออกมาอย่างน่าเสียดายค่ะ
ในวัยนี้ หากเด็กได้รับการสนับสนุนให้พยายามทำสิ่งต่าง ๆ จนสำเร็จลุล่วง เช่น ล้างจาน ทำการบ้าน ต่อตัวต่อได้สำเร็จ เด็กก็จะมีความภาคภูมิใจในตนเอง รู้สึกดีต่อตนเอง รวมทั้งเป็นการบ่มเพาะให้เด็กเกิดความพากเพียร ไม่ท้อถอยต่อความยากลำบากหรืออุปสรรคต่าง ๆ ด้วยค่ะ แต่ถ้าเด็กในวัยนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนให้มีความเพียรพยายาม ไม่ได้รับกำลังใจ หรือให้ทำงานที่ยากเกินไป เด็กก็จะเกิดความรู้สึกด้อยต่อตนเอง รู้สึกว่าตนเองไม่เก่งพอ หรือไม่ดีพอค่ะ
ครูแป๋ม ฉันทิดา สนิทนราทร เวชมงคลกร
นักจิตวิทยาพัฒนาการ & นักเล่นบำบัด