รวมถึงการกำเนิดเสียงจากแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กล่องเสียง เช่นการตบมือ การเคาะวัตถุ และนี่ก็เป็นวิธีเดียวกันกับที่ใช้ในสิ่งมีชีวิตหลาย ๆ ชนิด ไม่ว่าจะเป็น หมา แมว เป็ด ไก่ นก วัว สิงโต โดยมีจุดประสงค์ในการเปล่งเสียงออกมาต่างกัน ตามความสามารถและทักษาะในการะสื่อสารของแต่ละสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่ามันจะเป็นการสื่อสารขั้นสูงที่มีความซับซ้อนของเสียงและการใช้เสียง อย่างที่ใช้ในไฮยีนา หรือลิง วานรต่าง ๆ หรืออาจจะเป็นเพียงการส่งเสียงเพื่อขู่อย่างในสัตว์เลื้อยคลายจำพวก กิ้งก่าหรืองูใช้ หรือการเรียกหาคู่อย่างที่ทำให้นก หรือแมลงบางชนิด สัตว์เหล่านี้ต่างสร้างเสียงจากการสั่นสะเทือนเช่นกัน
วาฬ Whale หรือ ปลาวาฬ ที่คนไทยชอบคิดว่าเป็นปลาตัวใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม Mammals เหมือนคนเรานี่แหละ เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไม่กี่ชนิดที่เลือกใช้เสียงเพื่อการสื่อสารในกลุ่ม เสียงเหล่านี้มีเอกลักษณ์ เหมือนพวกมันกำลังร้องเพลง อันที่จริงแล้วเราก็คิดว่าพวกมันตั้งใจที่จะร้องเพลง มันไม่ใช่การส่งเสียงเรียกขานธรรมดา ๆ ในกลุ่มหรือในฝูงวาฬ แต่มันเป็นชุดของเสียงที่มีความยาว และมีการเรียบเรียงที่ไม่เหมือนกับที่พวกมันใช้เป็นปกติ และมีการส่งต่อเป็นทอด ๆ จากฝูงหนึ่งถึงอีกฝูงหนึ่ง สิ่งนี้เองที่ทำให้การประพันธ์ของวาฬนั้นน่าสนใจ มันเริ่มต้นจากการส่งเสียง วาฬสามารถทำเสียงสัญญาณต่าง ๆ ได้หลากหลายรูปแบบนับตั้งแต่วินาทีแรกที่มันออกมาจากท้องแม่ พร้อม ๆ กับการว่ายน้ำ
นอกจากการส่งเสียงออกมาเพื่อสื่อสาร มันยังใช้คลื่นเสียงในการหาเหยื่ออีกด้วย เสียงที่สะท้อนกลับมาจากเหยื่อ บอกทั้งขนาดและระยะห่างจากวาฬถึงเหยื่อ มันน่าทึ่งที่สัตว์หลายชนิดเลือกที่จะใช้คลื่นเสียงในการหาตำแหน่งของเหยื่อหรือวัตถุต่าง ๆ ยิ่งเป็นในน้ำแล้วผลลัพธ์ที่ได้ยิ่งน่าประทับใจ เพราะว่าคลื่นเสียงเดินทางผ่านตัวกลางที่หนาแน่นได้ดีกว่า เสียงเดินทางในน้ำได้ดีกว่าในอากาศถึง 4 เท่า คิดง่าย ๆ คือวาฬหรือโลมาสามารถใช้คลื่นโซน่าร์ Sonar ในการตรวจจับตำแหน่งได้ดีกว่า แม่นยำกว่าที่ค้างคาวทำ แม้ว่ามันจะเคลื่อนไหวตัวไม่ได้รวดเร็วเท่าค้างคาวก็ตาม สัตว์ใต้ทะเลหลายชนิดจึงเลือกที่จะใช้เสียงในการสื่อสารมากกว่า ท่าทางสัญลักษณ์หรือสีสัน หากคุณมองเห็นสีสันในเขตปะการังใต้น้ำว่าหลากหลายสีสันแล้ว คลื่นเสียงที่มีอยู่ใต้น้ำมันอัดแน่นและมีความมหลากหลายกว่าหลายเท่า และเสียงหรือเพลงจากวาฬเป็นเสียงที่น่าทึ่งที่สุดที่เราเคยได้ยินจากสัตว์น้ำขนาดใหญ่นี้
การร้องเพลงของวาฬเรียกได้ว่าเป็นการใช้เสียงที่ซัมซ้อนรูปแบบหนึ่ง และหากจะพิจารณาเฉพาะวาฬ มันก็มีเพียงไม่กี่สปีซี่ส์ที่สามารถร้องเพลงได้ ได้แก่ วาฬสีน้ำเงิน Blue วาฬฟิน Fin หลังค่อม Humpback วาฬหัวคันศร Bowhead และ วาฬมิงก์ Minke ซึ่งล้วนแต่เป็นวาฬบาลีน Baleen หรือวาฬที่ใช้แผ่นกระดูกซึ่งมีลักษณะเป็นซี่คล้ายหวี ในการกรองเอาอาหารขนาดเล็กที่ล่องลอยในทะเลเป็นอาหาร วาฬอีกประเภทคือวาฬที่มีฟัน Tooth whale
ซึ่งแม้จะใช้คลื่นเสียงและการสะท้อนของคลื่นเสียงในการระบุตำแหน่ง และใช้เสียงในการสื่อสารกัน แต่มันไม่ร้องเพลง เราคาดกันว่าความสามารถในการร้องเพลงของวาฬ เกิดขึ้นได้เพรามันมีอวัยวะพิเศษซึ่งช่วยให้มันสามารถปล่อยลมผ่านเส้นเสียงได้โดยไม่ต้องหายใจเข้าหรือออกเหมือนที่มนุษย์อย่างเราทำ อวัยวะนั้นคือ Laryngeal Sacs ซึ่งเป็นอวัยวะเหมือนถุงลมที่อยู่ติดกับกล่องเสียงของมันซึ่งสามารถรับลมจากปอด พร้อมทั้งยังก่อให้เกิดเสียงสะท้อนภายในได้อีกด้วย ลมที่ส่งจากปอดมายังถุงลมพิเศษนี้จะถูกส่งกลับไปยังปอดอีกรอบและทำให้เกิดเสียงอีกครั้ง ทำให้วาฬสามารถร้องเพลงได้โดยที่ไม่ต้องหายใจเข้าออกเหมือนกับคนเราทำ เพราะมันหมุนเวียนอากาศระหว่างถุงลมพิเศษและปอดได้
ความพิเศษของเพลงจากฝาฬไม่ใช่เพราะมันเป็นเพียงชุดเสียงยาว ๆ หรืออวัยวะที่ใช้ในการเปล่งเสียงใต้น้ำ แต่เป็นความสามารถในการสร้างชุดเสียง และทำซ้ำ การถ่ายทอดเพลงระหว่างกลุ่มไปยังวาฬฝูงอื่นๆที่อยู่ต่างถิ่น ไกลออกไป มีงานวิจัยได้บันทึกเสียงเพลงของวาฬหลังค่อมซึ่งมีความยาวถึง 22 ชั่วโมง และถูกส่งผ่านจากวาฬฝูงหนึ่งในมุมหนึ่งของโลกไปยังฝูงต่าง ๆ มีการร้องทวนซ้ำไปทั่วโลก วาฬแต่ละถิ่นที่อยู่ก็มีทำนองหรือช่วงเสียงที่แตกต่างกันออกไป บางท่อนมีการลดทอนลง บางท่อนมีการเพิ่มเข้ามา ทำให้เพลงของวาฬมีความใกล้เคียงกับระบบสื่อสารที่ซับซ้อนของคนมาก เพราะว่ามันมีการวิวัฒน์ไปตามกาลเวลา เหมือนวัฒนธรรมที่แตกต่างและปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย และแม้ว่าเราจะยังไม่รู้ถึงวัตถุประสงค์ที่แน่ชัดของเสียงเพลงวาฬนี้