คนที่มีสภาพผิวแห้ง คือ เกิดมาผิวก็แห้งเลย ไม่ต้องทำอะไรผิวก็แห้งอยู่แล้ว เนื่องจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวได้น้อยกว่าปกติ ไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้นาน สังเกตง่าย ๆ หลังล้างหน้าเสร็จผิวจะแห้งกร้าน หากไม่รีบทาครีมบำรุง อาจจะทำให้ผิวแห้งแตกเป็นริ้วรอยได้ แต่สำหรับผิวขาดน้ำ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว ไม่จำเป็นว่าต้องมีผิวแห้งเท่านั้น ผิวมัน ผิวผสมก็สามารถเกิดสภาวะผิวขาดน้ำได้เช่นกัน
ผิวขาดน้ำ คือ การที่มีน้ำใต้ผิวน้อย ในขณะที่การผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันยังอยู่ในระดับปกติหรือมากกว่าปกติ สังเกตได้จาก หลังล้างหน้าใหม่ ๆ ผิวจะแห้งสาก พอทิ้งไว้สักพักก็จะกลับมามัน เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การดื่มน้ำน้อยเกินไป สภาพแสดล้อมที่เปลี่ยนแปลง พฤติกรรมต่างๆ อย่างการนอนหลับไม่เพียงพอ หรือการกินยาบางประเภท เป็นต้น
เมื่อเรามั่นใจแล้วว่า สภาพผิวของเราเป็นแบบไหนแล้ว เราก็สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการดูแลผิวได้ถูกต้อง
ผิวแห้ง ควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น เก็บรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวได้นาน ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนมีค่า Ph ต่ำ และควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์
ผิวขาดน้ำ สำคัญที่สุดคือการเติมน้ำให้ผิว เพื่อรักษาระดับความชุ่มชื้น โดยเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อย่างครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว นอกจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้ว ต้องไม่ลืมดื่มน้ำให้เพียงต่อวันที่ร่างกายต้องการได้รับ และควรหลีกเลี่ยง ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทั้งหลาย เลือกรับประทานอาหารจำพวกถั่ว ธัญพืช แซลมอน น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ไข่ หรือผักใบเขียว เป็นต้น
จริงอยู่ที่ผิวขาดน้ำจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และส่วนมากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมักมีเนื้อที่เข้มข้นและหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขนตามมาได้ โดยเฉพาะคนที่มีสภาพผิวมันแต่ขาดน้ำ ดังนั้นอาจเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโร ว่านหางจระเข้ กลีเซอรีนและสารสกัดจากทะเลซึ่งช่วยเติมน้ำกลับเข้าสู่ผิว แล้วค่อยตามด้วยครีมบำรุงผิวทั่วไปที่ไม่หนักเท่ามอยเจอร์ไรเซอร์ก็ได้ หรืออีกหนึ่งวิธีที่เป็นที่นิยมก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์มาส์กหน้า ซึ่งก็สามารถช่วยให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นได้เช่นกัน
หวังว่าคงไม่สับสนระหว่างผิวแห้ง กับผิวขาดน้ำกันแล้วนะคะ คราวนี้ก็สามารถเลือกผลิตภัณฑ์พร้อมทั้งรู้วิธีดูแลการดูแลผิวอย่างเหมาะสมได้แล้ว