หรือในบางกรณีเด็กบางคนใช้การกลั่นแกล้งคนอื่นเป็นเครื่องสร้างความสบายใจ หรือเป็นที่ระบายความคับข้องใจของตัวเอง เช่น ถูกพี่ที่โตกว่าแกล้งมา หรือถูกพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูลงโทษด้วยวิธีรุนแรงจนเกิดความเครียด จึงทำให้เด็กแสดงพฤติกรรมรุนแรงกับผู้อื่น ซึ่งหากปล่อยให้เด็ก ๆ ติดนิสัยชอบแกล้งไปจนโต มีโอกาสเป็นอย่างมากที่เด็กจะเพิ่มขีดความสามารถในการกลั่นแกล้งไปสู่การข่มขู่ ข่มเหงน้ำใจ หรือล่วงละเมิดคนอื่นได้รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ และคุณครู ต้องรีบแก้ไขปัญหาและปรับพฤติกรรมของเด็กอย่างจริงจัง
ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ และคุณครู อย่าเพิ่งดุด่าว่ากล่าวเมื่อเด็กแกล้งเพื่อน ลองพูดคุยกับเด็กว่าทำไมเขาถึงทำพฤติกรรมแบบนี้ โดยใช้การสังเกตในสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปร่วมด้วย
- เด็กตั้งใจที่จะทำให้คนอื่น ๆ ไม่สบายใจหรือเสียใจหรือเปล่า
- เด็กรู้ตัวหรือเปล่าในขณะที่กำลังรังแกคนอื่น
- เด็กมีปัญหาที่บ้านหรือโรงเรียนไหม เช่น มีใครกำลังรังแกเด็กอยู่หรือเปล่า
- เวลาอยู่ที่โรงเรียน เด็กรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง หรือทำให้เหงาไหม
- เด็กรังแกใครบางคนแบบเฉพาะเจาะจงไหม
- เด็กคบเพื่อนที่เป็นอันธพาล ชอบรังแกคนอื่นหรือเปล่า
- เด็กรู้สึกตื่นเต้นหรือสนุกกับการได้ทำร้ายคนอื่นหรือไม่
- เด็กเคยเป็นคนที่ถูกรังแกมาก่อนหรือเปล่า
เมื่อเด็กเปิดใจอธิบายถึงปัญหา จึงค่อยหาทางแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด
หากเด็กแกล้งเพื่อนเพราะอยากเรียกร้องความสนใจจากคุณครูมีวิธีแก้คือ คุณครูจะต้องปรับพฤติกรรมการแสดงออกต่อเด็กใหม่ โดยเมื่อเด็กทำพฤติกรรมที่ดี ให้รีบให้ความสนใจ หรือกล่าวชมเชย และเมื่อเด็กมีพฤติกรรมด้านลบให้เพิกเฉยกับเด็กในระยะหนึ่ง โดยให้ความสนใจกับเด็กที่ถูกแกล้งมากกว่า เมื่อโดนเพิกเฉยบ่อยครั้ง เขาจะเรียนรู้ว่าพฤติกรรมนี้ไม่เป็นที่ยอมรับ และจะเลิกแกล้งเพื่อนได้ในที่สุด
หากเด็กแกล้งเพื่อน หรือแสดงความรุนแรงกับเพื่อน เพราะความโกรธ หรือมีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ ต้องสอนให้เด็กรู้จักวิธีควบคุมความโกรธด้วยวิธีอื่นโดยไม่ไปทำร้ายคนอื่น เช่น นับ 1-10 หรือให้เด็กมาบอกคุณครูว่ากำลังโกรธ เพื่อให้คุณครูเป็นผู้แก้ปัญหาให้
อาจจะใช้วิธีบอกให้เด็กรู้ถึงผลเสียที่จะตามมาเวลาแกล้งผู้อื่น เช่น ไม่เป็นที่รัก ไม่ได้ดาวจากคุณครู หรือลงโทษด้วยการตัดสิทธิ์บางอย่าง เช่น ให้ขนมน้อยกว่าคนอื่น ให้ออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย
มองหาจุดเด่นในตัวเด็ก และสนับสนุนให้เขาได้พัฒนาจุดเด่นนั้น ๆ เช่น กีฬา ดนตรี ศิลปะ ซึ่งจะทำให้เด็กมุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่ชอบ ทำให้เกิดสมาธิและช่วยขัดเกลาจิตใจให้อ่อนโยนลง
เพื่อให้เขาได้ปลดปล่อยพลังงานอย่างเหมาะสม การที่มีโอกาสทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น จะทำให้เขาได้พบกับเพื่อนใหม่ ๆ มากขึ้น รู้จักการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นมากขึ้น และมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น