การหา Keyword ที่น่าสนใจ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการทำ SEO เลยทีเดียว เพราะการจะทำให้เว็บเพจใดติดอันดับต้น ๆ ของการ Search คอนเทนต์ของเว็บเพจนั้นย่อมต้องสัมพันธ์กับ Keyword หรือคำค้นที่ผู้ค้นหากำลัง Search อยู่ ซึ่งวิธีหาคีย์เวิร์ดก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยใช้เครื่องมือฟรีจาก Google เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น

หา Keyword ไปเพื่ออะไร ?

การหาคีย์เวิร์ด คือการหาช่องว่างหรือโอกาสทางการตลาด สมมุติว่าคุณกำลังคิดที่จะขายอะไรสักอย่าง ก็ควรจะต้องรู้ว่าของอะไรที่คนอยากได้หรือเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะถ้าคุณขายในสิ่งที่ใครก็ไม่ต้องการ ก็คงไม่มีทางขายได้อย่างแน่นอน คอนเทนต์ในเว็บไซต์ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะเป็นคอนเทนต์ที่ดีแต่หากไม่มีใครสนใจหรือหาไม่เจอก็ถือว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์ แล้วมีวิธีที่จะหาว่าคอนเทนต์ใดเป็นที่ต้องการไหม ตอบได้เลยว่ามี ก็แค่มาดูว่าคนส่วนใหญ่เขาค้นหาอะไรกัน สิ่งที่เขาค้นหาก็คือสิ่งที่เขาสนใจ อยากรู้ หรืออยากซื้อ ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าคำที่ใช้ในการค้นหาหรือ Keyword ก็คือสิ่งที่คนต้องการนั่นเอง

        หากลองสังเกต เวลาเรา Search ข้อมูลจาก Google เราสามารถดูได้ว่า Keyword ใดที่คนสนใจค้นหา โดยจุดแรกดูได้จากคำที่ระบบแนะนำให้ระหว่างที่เราพิมพ์คำค้นในช่องค้นหา หรืออีกจุดหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจนคือ ด้านล่างของผลการค้นหาซึ่งจะมีคำค้นที่ใกล้เคียงกับ Keyword ที่เราค้นหาแสดงอยู่ สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาเป็นแนวทางหรือไอเดียเพื่อต่อยอดได้

        วิธีการหาคีย์เวิร์ด ว่าแต่ละ Keyword มีจำนวนครั้งของการค้นหามากน้อย สามารถค้นหาและวิเคราะห์ได้ง่าย ๆ ผ่านเครื่องมือฟรีของ Google 2 ตัว ได้แก่ Keyword Planner (อยู่ใน Google Adwords) และ Google Trends นั่นเอง

Keyword Planner

เราสามารถใช้ Keyword Planner ใน Google Adwords เพื่อค้นหาว่าแต่ละ Keyword มีการค้นหามากน้อยแค่ไหน และสามารถดูคำที่ใกล้เคียงกันได้ โดยทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

1. เปิดเว็บไซต์ Google Adwords ที่ https://adwords.google.com ถ้ายังไม่เคยลงทะเบียนต้องลงทะเบียนก่อน จากนั้น Login แล้วเลือก Tools > Keyword Planner

2. ดูที่แถบเมนู Find new keywords and get search volume data แล้วเลือก Search for new keywords using a phrase, website or category จากนั้นกรอกข้อมูลเฉพาะช่อง Your product or service โดยใส่ Keyword ที่เราต้องการลงไป จากนั้นเลือก Targeting ให้เหมาะสม เช่น เลือก Location เป็น Thailand และเลือกภาษาเป็น Thai จากนั้นกด Get ideas

3. ผลการค้นหา ระบบจะบอกเราว่า Keyword นั้นมีการค้นหาเฉลี่ยกี่ครั้งต่อเดือน มีการแข่งขันสูงหรือต่ำ นอกจากนั้นยังแนะนำ Keyword อื่นที่สัมพันธ์หรือใกล้เคียงกันให้เราอีกด้วย

        หน้าผลการค้นหานี้จะมี Tab อยู่ 2 Tab คือ Ad group ideas และ Keyword ideas โดย Ad group ideas จะรวบรวมคีย์เวิร์ดให้เป็นกลุ่ม ส่วน Keyword ideas จะบอก Search term, Keyword (by relevance), Avg. monthly searches, Competition และ Suggested bid

        Search term คือ Keyword ที่เราค้นหา
        Keyword (by relevance) คือ Keyword ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กัน ซึ่งเป็น Keyword ที่มีผู้ค้นหาใช้ค้นหาเกี่ยวกับเรื่องนั้น ตรงนี้สำคัญมาก เพราะเราสามารถวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงของผู้ค้นหาได้ว่าเขาต้องการอะไรจริง ๆ ซึ่งเป็นความต้องการที่เฉพาะเจาะจงลงไป โดย Keyword เหล่านี้จะมีทั้งที่ตรงและไม่ตรง เป็นรายละเอียดที่ย่อยลงไป และคำที่เขียนผิดรวมอยู่ด้วย
        Avg. monthly searches คือ จำนวนครั้งเฉลี่ยของการค้นหา Keyword นั้นต่อเดือน อันนี้ดูง่าย ค่าเฉลี่ยมากก็คือมีการค้นหามาก ค่าเฉลี่ยน้อยก็คือมีการค้นหาน้อย
        Competition คือ อัตราการแข่งขันในการซื้อโฆษณาของ Keyword นั้น แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ Low, Medium และ High

        Suggested bid คือ ค่าโฆษณาที่แนะนำให้เสนอ

Keyword ที่น่าสนใจ ดูอย่างไร ?

        1. Keyword ที่มีจำนวนครั้งของการค้นหามากแต่มีการแข่งขันต่ำหรือปานกลาง เพราะหากมีจำนวนครั้งของการค้นหามากและมีการแข่งขันสูง โอกาสที่บทความนั้นจะขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ก็มีความเป็นไปได้น้อย
        2. Keyword ที่มีจำนวนครั้งของการค้นหาปานกลางแต่มีการแข่งขันต่ำหรือปานกลาง Keyword ประเภทนี้ถึงจะมีจำนวนครั้งของการค้นหาไม่มากแต่มีการแข่งขันต่ำ โอกาสที่บทความจะขึ้นสู่อันดับต้น ๆ จึงมีสูง ซึ่งถ้ามีหลายคีย์เวิร์ดหลายบทความช่วยกันก็สามารถช่วยดึงคนเข้าเว็บไซต์ได้มากเช่นเดียวกัน
        จากผลการค้นหา จะเห็นว่ามี Keyword ใกล้เคียงที่สื่อถึง Keyword เดียวกันหลายคำ เพราะฉะนั้นควรพิจารณาเลือก Keyword หลัก 1 คำ เพื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งของ Title หรือชื่อคอนเทนต์ แล้วนำ Keyword ใกล้เคียงที่เหลือไปใส่ในเนื้อคอนเทนต์แทน

        ตอนนี้เรารู้แล้วว่าแต่ละ Keyword มีการค้นหามากน้อยแค่ไหน แต่ข้อมูลเท่านี้ยังไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจ เราควรรู้ต่อไปอีกว่าในรอบ 1 ปี หรือ 5 ปีที่ผ่านมามีการค้นหา Keyword นี้ในแต่ละเดือนมากน้อยหรือมีทิศทางมากขึ้นหรือน้อยลงอย่างไร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เราสามารถสืบค้นได้จาก Google Trends นั่นเอง

Google Trends

เราสามารถใช้ Google Trends เพื่อค้นหาว่าแต่ละ Keyword มีการค้นหาในแต่ละช่วงเวลามากน้อยแค่ไหน โดยสามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

1. เปิดเว็บไซต์ Google Trends จาก https://www.google.com/trends/

2. ใส่ Keyword ใน Search box ด้านบน หรือเลือกไปที่ Explore จากเมนูด้านซ้ายแล้วใส่คำค้นอีกที แต่แนะนำว่า Search จาก Search box ในหน้าแรกไปเลยจะเร็วกว่า เพราะสุดท้ายมันก็ไปที่หน้าเดียวกัน

3. ผลการค้นหา ระบบจะบอกเราว่ามีการค้นหาในแต่ละช่วงเวลามากน้อยแค่ไหนหรือ Trend เป็นอย่างไร ขึ้นหรือลง นอกจากนี้ตัวเครื่องมือยังสามารถคัดกรองหรือปรับแต่งการค้นหาได้อีกนิดหน่อย

ข้อมูลที่เราได้จาก Keyword Planner และ Google Trends ทำให้เรารู้ว่า Keyword ใดมีความน่าสนใจ รวมถึงได้เรียนรู้พฤติกรรมและความต้องการที่แท้จริงของผู้ค้นหาที่มีต่อเรื่องนั้น ๆ โดยเราสามารถนำเอาข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์และวางแผนสร้างคอนเทนต์เพื่อตอบโจทย์ทั้งการทำ SEO และผู้สนใจได้ในเวลาเดียวกัน