"กาลิเลโอ" (Galileo Galilei) นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี ถูกสภาศักดิ์สิทธิ์แห่งโรมบังคับให้ล้มเลิกทฤษฎีที่เชื่อว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางจักรวาล และเปลี่ยนความเชื่อเป็นให้โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาลแทน โดยอ้างว่าเป็นทฤษฎีที่ขัดแย้งกับข้อความในพระคำภีร์ไบเบิล แต่กาลิเลโอแย้งโดยยกถ้อยคำจากบันทึกของนักบุญออกัสติน และกล่าวว่าถ้อยคำในไบเบิลไม่ควรแปลความหมายตรงตัว เนื่องจากเนื้อหามีถ้อยคำกำกวมแฝงนัยยะที่ลึกซึ้ง
• แต่เดิมทีกาลิเลโอได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อ "starry messenger" เพื่อเผยแพร่ผลงานด้านดาราศาสตร์สู่สาธารณชน ทำให้ผู้ที่เคร่งในคำสอนของศาสนจักรต่างพากันไม่พอใจ และตั้งกลุ่มต่อต้านกาลิเลโอขึ้น และนำไปสู่การเรียกตัวกาลิเลโอไปยังกรุงโรมในปี ค.ศ. 1615 โดยครั้งนั้นเขาถูกบังคับให้ถอนคำสนับสนุนตามทฤษฎีของ "โคเปอร์นิคัส" ที่ว่าด้วยดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาล โดยมีดาวเคราะห์ต่าง ๆ รวมทั้งโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังถูกบังคับมิให้สอนและเผยแพร่ทฤษฏีใด ๆ ก็ตามที่ขัดแย้งกับคำสอนทางศาสนาอีกด้วย
• ในปี ค.ศ. 1618 ได้มีดาวหางปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าถึง 3 ดวง และมีนักบวชได้อ้างว่าเส้นทางโคจรของดาวหางดังกล่าวเป็นเส้นตรง พร้อมกับนำเสนอให้สัมพันธ์กับความคิดของอริสโตเติลที่เน้นว่าโลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาล กาลิเลโอจึงเขียนหนังสือชื่อ "The Assayer" เพื่ออธิบายเส้นทางการโคจรของดาวหางโดยใช้ทฤษฎีของโคเปอร์นิคัส พร้อมกับการสังเกตผ่านกล้องโทรทรรศน์ รวมทั้งได้ใช้คณิตศาสตร์ ซึ่งได้ผลลัพธ์อย่างชัดเจนว่าดาวหางมิได้โคจรเป็นเส้นตรงแต่เป็นเส้นโค้ง กาลิเลโอจึงถูกเรียกตัวมาที่กรุงโรมอีกครั้งในปี ค.ศ. 1624 และในครั้งนี้ศาสนจักรได้เสนอให้กาลิเลโอยอมลงนามในคำตัดสินว่ากาลิเลโอจะต้องไม่สอนและเผยแพร่ทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสอีกต่อไป
• กาลิเลโอตีได้ตีพิมพ์หนังสือในปี ค.ศ. 1632 ภายใต้ชื่อ "The Dialogue of the two Principal Systems of the World" โดยเป็นหนังสือที่กล่าวถึงบทสนทนาที่โต้ตอบกันในเรื่องทฤษฎีปโตเลมี (ยึดถือตามความเชื่อของอริสโตเติล) และทฤษฎีโคเปอร์นิคัส แต่เมื่อศาสนจักรได้อ่านหนังสือเล่มดังกล่าวแล้ว กลับมีความคิดเห็นตรงกันว่ากาลิเลโอยังคงสนับสนุนทฤษฎีโคเปอร์นิคัสอยู่ จึงเป็นเหตุให้กาลิเลโอถูกเรียกเข้ากรุงโรมอีกครั้ง