เรื่องและภาพ: กัลยาณี แนวเล็ก
“อยากไปถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสี” เป้าหมายแรกเริ่มในการเดินทางครั้งนี้...ที่ไหนก็ได้ ที่มีใบไม้เปลี่ยนสี คิวชูเหนือคือบทสรุปแห่งปลายทางของเรา ด้วยเหตุผลที่คิดว่านักท่องเที่ยวไม่น่าเยอะ ราคาตั๋วเครื่องบินก็โอเคเหมาะสมกับบัดเจ็ตในกระเป๋า แล้วก็ไม่ผิดหวังได้ทุกอย่างสมใจ ทั้งบรรยากาศสงบ ผู้คนน่ารักเป็นมิตร การเดินทางสะดวกไม่ว่ารถราง รถไฟ รถบัส แถมบางเมืองก็เดินเที่ยวเล่นได้แบบดี๊ดี อาหารกับขนมนี่รักเลย และแน่นอนว่าภาพใบไม้เปลี่ยนสีตรงหน้านี่ดีสุด ๆ ไปเลย
เมืองน่ารัก...Yufuin เมืองแห่งบ่อนรก Beppu
ทำไมถึงยกให้ยุฟุอินเป็นเมืองน่ารัก ง่าย ๆ เลยคือเป็นเมืองท่ามกลางธรรมชาติ เรียบง่ายแต่รวยเสน่ห์ มีความน่ารักในตัวเอง เดินเที่ยวได้ทั้งเมือง แวะถ่ายรูปได้ตลอดทาง เรามีจุดหมายอยู่ที่ทะเลสาบ Kinrinko มีทิวเขายอดคู่ Mount Yufu เป็นฉากหลัง ใคร ๆ ก็บอกกันว่าเป็นจุดชมใบไม้สีแดงที่ยังไงก็ห้ามพลาด ระยะทางจากสถานีรถไฟยุฟุอินถึงทะเลสาบนั้นไม่ไกล แต่กว่าจะเดินถึงนั้นใช้เวลานานมาก เพราะสองข้างทางนั้นมีอะไรต่อมิอะไรให้หยุดถ่ายรูปได้ตลอด ร้านขนมหน้าตาดีชวนแวะ ยิ่งช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ใบไม้นั้นเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง อากาศหนาวกำลังดียิ่งทำให้การเดินเที่ยวเมืองนี้ยิ่งเพลิดเพลิน
เบปปุ เมืองแห่งบ่อนรกทั้งแปดหรือบ่อน้ำพุร้อนแปด หน้าสถานีรถไฟเบปปุจะมีรูปปั้นคุณลุง Kumahachi Aburaya หรือ Pika Pika Oji san คนที่ทำให้เบปปุเป็นเมืองท่องเที่ยวมีคนรู้จักทั้งประเทศ ทริปนี้เรามีรถบัส Kamenoi Bus ที่พาทัวร์บ่อนรกทั้ง 8 แต่ด้วยเวลาที่จำกัดเราเลยเลือกจะไปแค่ 3 บ่อคือ Chinoike Jigoku บ่อน้ำพุร้อนสีแดงคล้ายเลือดที่เกิดจากดินสีแดงบริเวณนั้น ถัดมาคือบ่อ Umi Jigoku เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟราว 1,200 ปีที่แล้ว น้ำเป็นสีฟ้าใสคล้ายท้องทะเลในหน้าร้อน บ่อนี้พิเศษกว่าใครเพราะมีพื้นที่พักผ่อน ยิ่งมาช่วงใบไม้สีแดงทิวทัศน์รอบ ๆ นั้นก็ยิ่งงดงาม บ่อนรกสุดท้ายของเราคือ Oniyama Jigoku บ่อนี้ควันเยอะกว่าบ่ออื่น เดินดูบ่อนรกแล้วก็แวะชิมพุริง (Purin) หรือพุดดิ้งสักหน่อยเขาว่ากันว่าทำมาจากน้ำจากบ่อน้ำพุร้อน รสชาติหวานกำลังดี เนื้อสัมผัสอร่อยนุ่มลิ้นมาก
เยือนปราสาท Kumamoto…ตามหาหินรูปหัวใจ Meganabash
Mission Complete! สุด ๆ ในการตามหาใบไม้เปลี่ยนสีต้องยกให้ Kumamoto Castle อายุกว่า 400 ปี ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น ชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมือง ปราสาทนั้นตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสีเหลืองของใบแปะก๊วยสลับกับสีแดงจากใบเมเปิ้ล บอกคำเดียว่าฟิน!
ทริปนี้ยกให้นางาซากิเป็นเมืองแห่งความรัก เพราะสะพานแว่นตาแห่งนางาซากิ Meganabash ของสายน้ำ Nakashima ว่ากันว่าสะพานแห่งนี้เป็นสะพานหินทรงโค้งอายุเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น แถมเต็มไปด้วยหินรูปหัวใจที่กระจายอยู่ทั่ว มีความเชื่อว่าถ้าใครหาเจอก็มีโอกาสสมหวังในความรัก ก่อนโบกมือลานางาซากิอย่าลืมชิม Kakuni-manju มันจูสอดไส้หมูต้มพะโล้ ของว่างขึ้นชื่อของที่นี่ แป้งนุ่มกับหมูพะโล้พร้อมละลายในปาก
ส่งท้ายที่ Fukuoka
ศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu เป็นที่รู้จักในหมู่เด็กนักเรียนมัธยมปลาย เพราะสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับท่าน Sugawara Michizane ผู้ที่มีอัจฉริยภาพทางการเรียนรู้และมีความสามารถต่าง ๆ มากมาย ใครอยากขอให้สอบผ่านต้องมาขอพรที่นี่
เกาะ Momochi Seaside ที่ตั้งของ Fukuoka Tower ตึกสูงที่สุดในเมือง ที่จะมีการประดับไฟตามเทศกาลต่าง ๆ แต่ถ้าอยากลิ้มลองความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้นอีกนิด ก็ต้องไปเดินเล่นที่ Ohori Park สวนสาธารณะกลางเมืองฟุกุโอกะ ที่พักผ่อนของชาวฟุกุโอกะทุกวัย มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายทั้งช่วงเย็นและวันหยุด
ปิดท้ายด้วยร้านรวงสไตล์โบราณของ Yatai ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ คำแนะนำคือเห็นอะไรน่ากินให้ชี้เลย เพราะเมนูนั้นเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ไม่ต้องเสียเวลาแปลถ้าไม่อยากหิวไส้กิ่ว นั่งกินไปดูเขาปรุงเมนูหน้าตาดีกันสด ๆ ไปได้อารมณ์แบบซีรีส์ญี่ปุ่นดีนะ
JR Pass สำหรับเที่ยวเฉพาะภูมิภาคคิวชู หรือ Kyushu Rail Pass มี 2 ประเภท คือ Northern Kyushu Pass เที่ยวได้ 5 จังหวัดทางตอนเหนือ (Fukuoka Saga Nagasaki Kumamoto และ Oita) และ All Kyushu Pass เที่ยวได้ทั้งเกาะคิวชู แต่ไม่รวมโอกินาวา มีจำหน่ายทั้งแบบ 3 วัน และ 5 วัน แบบใช้ต่อเนื่องกันทั้ง 2 ประเภท