เรื่องและภาพโดย: พรพิรุณ พงษ์นครสกุล
แม่น้ำเจ้าพระยาถือเป็นแม่น้ำสายหลักที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน เป็นเส้นทางล่องเจ้าพระยานี้ จะพาเราไปพบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ตามท่าต่าง ๆ ในทริปการล่องเรือครั้งนี้เราจะใช้บริการของเรือด่วน ธงสีส้ม
เริ่มต้นรับส่งผู้โดยสารเที่ยวไปตั้งแต่ท่านนทบุรี-วัดราชสิงขร และเที่ยวกลับจากท่าวัดราชสิงขร-ท่านนทบุรี ซึ่งจะจอดรับส่งผู้โดยสารระหว่างทางทั้งหมด 20 ท่า ราคาต่อคนคือ 15 บาท เมื่อขึ้นมาบนเรือแล้วก็หาที่นั่งให้เรียบร้อย เรืองความปลอดภัยไม่ต้องห่วงภายในเรือจะมีชูชีพไว้ใต้ที่นั่งครบทุกที่นั่ง
ทริปนี้เราเริ่มต้นกันที่ท่าเรือสาทร มีจุดมุ่งหมายที่จะนั่งมาลงที่ท่าเตียน และจากท่าเตียนไปท่าน้ำศิริราช และนั่งมาสิ้นสุดที่ท่าสาทร ในระหว่างทางเราก็จะผ่านท่าเรือต่าง ๆ ที่มีสถานที่สำคัญ ๆ หลายแห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมโอเรียลเต็ล ที่ท่าโอเรียลเต็ล ซึ่งเป็นโรงแรมเก่าแก่มีชื่อเสียง ถือได้ว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของโลกมาหลายปีซ้อน
ต่อมาที่ท่าราชวงศ์ ซึ่งสามารถขึ้นไปเดินเที่ยวไชน่าทาวน์ได้ ท่าสะพานพุทธที่เป็นแหล่งขอวัยรุ่น ซึ่งในตอนเย็น ๆ จะมีร้านค้ามาขายของตามใต้สะพานพุทธเป็นจำนวนมาก
นั่งเพลิน ๆ ชมบรรยากาศมาซักพักก็มาถึงท่าเตียนพอดี ท่านี้จะเป็นท่าที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแวะมากที่สุด เพราะว่ามีวัดที่สำคัญ ๆ อยู่มากมาย
เมื่อขึ้นมาเราก็จะพบกับร้านค้าขายของที่ระลึกให้แก่นักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าลายไทย ลายพื้นเมือง พวงกุญแจรูปช้างที่เป็นสัญลักษณ์ของไทย พวกของจักรสาน โปสการ์ดสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทยเป็นต้น
เมื่อข้ามถนนมาก็จะพบกับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารหรือที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่า “วัดโพธิ์”
โดยจุดเด่นที่สำคัญของวัดโพธิ์ ก็คือ “พระพุทธไสยาส” หรือ “พระนอน” ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธไสยาสน์ ที่มีพุทธลักษณะงดงามเป็นอันดับต้น ๆ และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ
ที่น่าสนใจคือ ลายจำหลักมุกภาพมงคล 108 ประการ ที่งดงามโดดเด่น บนฝ่าพระบาททั้งสองข้าง ซึ่งเป็นลายศิลปะไทยกับจีนผสมผสานกันกลมกลืน
ทั้งนี้ การประดับลวดลายจำหลักมุกภาพมงคล 108 ประการ ไว้ที่ฝ่าพระบาทนั้น เป็นไปตามคติอินเดียโบราณที่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าทรงมีพุทธลักษณะสำคัญอย่างหนึ่ง คือ ฝ่าพระบาทมีลายมงคล 108 ประการ ได้แก่ ปราสาท หอยสังข์ ช้าง แก้ว นก หงส์ ภูเขา เมฆ ฯลฯ ตรงกลางเป็นรูปกงจักรตามตำรามหาปุริสลักขณะ แสดงถึงพระบุญญาบารมีอันแรงกล้า ซึ่งหากเป็นพระพุทธรูปปางอื่น ๆ จะมองไม่เห็น ยกเว้นพระพุทธรูปปางไสยาสเท่านั้น
ภายในบริเวณวัดยังมีการจัดบรรยากาศที่ดูร่มรื่น มีต้นไม้ที่ให้ความร่มเย็น มีการจัดเป็นน้ำตกเล็กๆเพื่อให้ผู้ที่มาสักการะเกิดความสดชื่นสบายตา
เมื่อเสร็จจากวัดโพธิ์แล้ว เริ่มรู้สึกหิว เราก็เดินทางต่อไปยังจุดมุ่งหมายอีกแห่งหนึ่งของเรานั่นคือ “วังหลัง” โดยการเดินทาง เราก็มารอเรือตรงท่าเตียนเพื่อไปยังท่าน้ำศิริราช รอประมาณ 15-20 นาทีเรือก็มาเทียบฝั่ง จะมีพนักงานคอยให้บริการอยู่ในแต่ละท่า คอยบอกเที่ยวเรือว่าไปทางฝั่งไหน ฉะนั้นเราไม่ต้องกลัวหลงเลยค่ะ
จากท่าเตียนนั่งมาท่าเดียวก็จะถึงท่าน้ำศิริราชแล้วค่ะ เมื่อขึ้นจากท่าน้ำศิริราชก็จะพบกับตลาดเก่าวังหลัง
ซึ่งเป็นย่านการค้า ที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ซื้อของเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ เสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่มที่มีมากมายหลากลายแบบ ให้ได้เลือกซื้อหากันอย่างจุใจ เสน่ห์ของตลาดวังหลังอยู่ที่สินค้าราคาถูก เสื้อผ้าถูกใจทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน และเด็กแนวที่นิยมหาซื้อของมามิกซ์แอนด์แมทซ์
นอกจากนี้ที่วังหลังแห่งนี้ยังมีร้านอาหารอร่อยๆ ที่เป็นที่ขึ้นชื่อตามเว็บไซด์รีวิวอาหารชื่อดังต่างอีกด้วยค่ะ
เดินเพลิน ๆ ก็เหลือบไปเห็นร้านนี้พอดี ร้านนี้ชื่อว่า “น้ำตกสีดา” เป็นร้านอาหารอีสานที่ดูภายนอกธรรมดามาก ๆ แต่รสชาติอาหารและการบริการไม่ธรรมดาเลยค่ะ ปกติร้านนี้คนจะแน่นมาก แต่ครั้งนี้ที่ไปคือไปช่วงคนกำลังทำงานกันอยู่เลยไม่ต้องรอนาน
ที่ร้านนี้อร่อยทุกเมนูค่ะ วันที่ไปสั่งส้มตำไข่เค็ม ไก่ย่าง ต้มแซบกระดูกอ่อน ลาบเป็ด ที่สำคัญร้านนี้เค้าทำไวมาก ๆส้มตำไข่เค็มของร้านรสชาติกลมกล่อมมากๆ
ไก่ย่างของที่นี่เค้าก็ย่างจนหนังกรอบ เนื้อร่อนออกมาจากกระดูก จิ้มกับน้ำจิ้มที่มีให้เลือก 3 รสชาติแล้วแต่เราชอบ ทั้งน้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มไก่ธรรมดา และน้ำจิ้มพริกกระเทียม
ต้มแซบกระดูกอ่อนก็รสเด็ดแซ่บมาก ๆ
และสุดท้ายก็ลาบเป็ดที่อร่อยเด็ดไม่แพ้กัน
นอกจากอาหารไทยๆอย่างเมนูส้มตำแล้วที่วังหลังแห่งนี้ยังมีอาหารอื่นๆให้เลือกทานกันไม่ว่าจะเป็นอรทัยซูชิ เป็นซูชิที่ขึ้นชื่อของที่นี่ คนต่อแถวรอซื้อกันเยอะทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังมีทาโกะยากิ ที่มีหลากหลายไส้ให้เราเลือก ที่สำคัญราคาลูกละ 5 บาทเองค่ะ
เดินมาอีกหน่อยก็จะเจอลาซาญญ่าไส้ต่างๆอบชีส
และที่เด็ดไม่แพ้กันที่ขึ้นชื่อว่ามาวังหลังต้องมากินให้ได้คือ หมูทอดสูตรชาววัง
หากท่านใดสนใจเปลี่ยนบรรยากาศจากนั่งรถเที่ยว อยากจะมาลองนั่งเรือด่วนเที่ยวดูบ้าง ก็แนะนำให้มาเริ่มต้นกันที่ท่าสาทร เพราะน่าจะสะดวกดี โดยที่เรานั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสมาลงที่สถานีสะพานตากสิน ใช้ทางออกที่2 ลงมาก็จะเจอท่าสาทรพอดี เดินทางสะดวกประหยัดเงินแถวได้บรรยากาศ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนไทยมาช้านานอีกด้วย