นักวิเคราะห์หลักทรัพย์
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์
รู้จักอาชีพ > นักวิเคราะห์ (Think) > นักวิเคราะห์หลักทรัพย์

       นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คือผู้ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจในตัวของหลักทรัพย์ให้กับนักลงทุนผ่านการเขียนบทวิเคราะห์ ซึ่งครอบคลุมถึงลักษณะของธุรกิจ, แนวโน้มการเติบโต, การวิเคราะห์งบการเงิน และมูลค่าความเหมาะสมของหลักทรัพย์ เพื่อสรุปเป็นคำแนะนำในการลงทุนให้กับนักลงทุนที่จะนำไปเป็นปัจจัยตัดสินใจเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ 

       ในอีกมุมหนึ่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เป็นผู้ที่ช่วยรวบรวม, ตกผลึกข้อมูล และช่วยสื่อสารลักษณะของบริษัท ที่บางครั้งมีความซับซ้อนและอยู่ไกลตัวนักลงทุน ให้นักลงทุนมีความเข้าใจในบริษัทได้มากขึ้น ถือเป็นการส่งเสริมให้ตลาดหลักทรัพย์มีประสิทธิภาพในเชิงของการเข้าถึงข้อมูลมากขึ้น

ลักษณะงาน 

       นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ หน้าที่หลักคือการติดตาม, รวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ในกลุ่มที่ได้รับมอบหมายเพื่อนำเสนอคำแนะนำในการลงทุนให้กับนักลงทุน เช่น ถ้าเป็นนักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสินเชื่อ เวลาที่ ธปท. มีการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ต้องสามารถวิเคราะห์ผลกระทบและนำเสนอมุมมองเพื่อที่นักลงทุนจะได้มีข้อมูลสำหรับตัดสินใจลงทุนได้ทันท่วงที
       ดังนั้นเป้าหมายหลัก ๆ ของนักวิเคราะห์นั้นคือการพยายามหาคำแนะนำการลงทุนในหลักทรัพย์ เพื่อที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้มากที่สุด รวมถึงพยายามเรียนรู้และทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของปัจจัยต่าง ๆ ทั้งด้านบวกและด้านลบ เพื่อจะได้ประเมินโอกาสและความเสี่ยงจากการลงทุนในหลักทรัพย์นั้น ๆ ได้อย่างแม่นยำ
 

ขั้นตอนการทำงาน

       การวิเคราะห์หลักทรัพย์ของนักวิเคราะห์จะเริ่มต้นจากการประเมินศักยภาพในเบื้องต้นใน 2 รูปแบบ คือ 

1. Top Down Analysis คือการมองปัจจัยจากภาพใหญ่ เช่น ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลก และต่อยอดไปถึงอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ จากนั้นจึงพยายามค้นหาบริษัทที่มีศักยภาพสูงที่สุด
2. Bottom Up Analysis คือการเริ่มวิเคราะห์จากตัวหลักทรัพย์ที่มีกระแสหรือมีพัฒนาการที่น่าสนใจในด้านของงบการเงิน แล้วจึงค่อย ๆ ขยับภาพไปยังการวิเคราะห์กลุ่มอุตสาหกรรมและภาพเศรษฐกิจว่ามีแนวโน้มจะส่งเสริมการขยายตัวของหลักทรัพย์ดังกล่าวหรือไม่ 
 
       หลังจากที่เรามีเป้าหมายในการวิเคราะห์แล้ว นักวิเคราะห์จะเริ่มศึกษาข้อมูลในเชิงลึกมากขึ้น ทั้งจากการศึกษาข้อมูลบริษัทในรายงานประจำปี, รายงาน 56-1 (รายงานที่มีรายละเอียดและลักษณะทางธุรกิจของหลักทรัพย์), งบการเงิน รวมถึงข่าวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจะเริ่มเตรียมแบบจำลองทางการเงิน (Financial Modeling) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์ รวมถึงคาดการณ์แนวโน้มของงบการเงินของบริษัท ทั้งนี้โดยส่วนใหญ่นักวิเคราะห์จะมีการขอเข้าพบกับผู้บริหารของบริษัทที่สนใจเพื่อเข้าประชุม (Company Visit) เพื่อซักถามข้อสงสัยที่พบหลังจากทำการศึกษาในเชิงลึกมาแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับ ลักษณะทางธุรกิจ, โครงสร้างรายได้, โครงสร้างตลาดและการแข่งขันในอุตสาหกรรม, แผนลงทุนในอนาคต และปัจจัยเสี่ยง เพื่อจะนำข้อมูลในขั้นตอนต่าง ๆ มาสรุปรวมกันและจัดทำเป็นรายงานผลการวิเคราะห์ หรือที่เราเรียกว่าบทวิเคราะห์หลักทรัพย์นั้นเอง
 

สถานที่ทำงาน 

       หลัก ๆ แล้วนักวิเคราะห์จะสังกัดอยู่กับบริษัทหลักทรัพย์ (บริษัทที่ทำธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์) เพื่อให้คำปรึกษาและคำแนะนำลงทุนกับนักลงทุนรวมถึงผู้ติดต่อกับนักลงทุน (Marketing) 

ผู้ที่ต้องทำงานด้วย 

       ส่วนใหญ่แล้วการจัดทำบทวิเคราะห์ต่าง ๆ นักวิเคราะห์จะเป็นผู้จัดทำเพียงคนเดียว แต่อาจจะมีผู้ช่วยนักวิเคราะห์คอยช่วยเตรียมข้อมูลให้ได้ จากนั้นเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจึงนำไปสื่อสารให้กับทั้ง Marketing และนักลงทุน ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของบริษัท

ทางเลือกอาชีพอื่น ๆ 

       ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการวิเคราะห์หลักทรัพย์สามารถนำไปต่อยอดได้อย่างหลากหลาย อาจแยกออกเป็นทางเลือก 4 ทาง คือ 
1. นักกลยุทธ์ลงทุน ที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนด้านหลักทรัพย์และภาพเศรษฐกิจมากขึ้น 
2. ผู้จัดการกองทุน เพื่อบริหารเงินลงทุนให้กับนักลงทุนโดยตรง 
3. นักลงทุนอิสระ
4. เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทเอกชน

ตำแหน่งและเส้นทางการเติบโตในสายอาชีพ 

       อาชีพนักวิเคราะห์เป็นอาชีพที่มีโครงสร้างการเติบโตค่อนข้างแบนราบ คือมีแค่การพัฒนาจากผู้ช่วยนักวิเคราะห์ ไปเป็นนักวิเคราะห์ที่ติดตามอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่เมื่อทำงานนานขึ้นเรื่อยๆ การวิเคราะห์จะมีชั้นเชิงและมุมมองในการวิเคราะห์มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างคุณค่าให้กับนักวิเคราะห์คนนั้นให้โดดเด่นกว่าคนอื่นในอุตสาหกรรม

รายได้

       ช่วงเริ่มต้นเป็นผู้ช่วยนักวิเคราะห์เริ่มต้นราว 18,000 - 25,000 บาท ขั้นกับวุฒิการศึกษา อาจขยับขึ้นเป็น 25,000-70,000 บาท ตามความสามารถและประสบการณ์ สำหรับนักวิเคราะห์ระดับอาวุโสเงินเดือนจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 100,000 บาท

การแข่งขันและความต้องการของตลาด

       เป็นอาชีพที่เข้าสู่อุตสาหกรรมได้ยาก เนื่องจากนักวิเคราะห์จะต้องมีการสอบใบอนุญาตเพื่อที่จะสามารถเขียนบทวิเคราะห์และให้คำแนะนำกับนักลงทุนได้ เช่น CISA หรือ CFA อีกทั้งการจะเป็นนักวิเคราะห์ที่สามารถขึ้นทะเบียนกับ ก.ล.ต. จำเป็นจะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่า 2 ปี ทำให้อาชีพนักวิเคราะห์ค่อนข้างขาดแคลนบุคลากรในระดับที่เป็น Middle Level ขึ้นไป 
       แม้ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านข้อมูลจะพัฒนาขึ้นมาก แต่อาชีพนักวิเคราะห์มีโอกาสน้อยที่จะถูกทดแทนด้วย AI เนื่องจากการวิเคราะห์ข่าวสารและข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหลักทรัพย์ โดยเฉพาะในเรื่องของธุรกิจ เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ของนักวิเคราะห์ แม้ข้อมูลจะเหมือนกัน นักวิเคราะห์ 2 คนอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันมากก็ได้ ทำให้การที่จะใช้ AI เข้ามาทดแทนทำได้ยาก

 

  • เป็นอาชีพที่พึ่งพาความสามารถของตัวเองเป็นหลัก ทำให้มีความยืดหยุ่นในเรื่องของชั่วโมงการทำงานค่อนข้างมาก 
  • ได้ติดตามข้อมูลเกี่ยวข้องกับการลงทุนอย่างใกล้ชิด และสามารถเข้าพูดคุยกับผู้บริหารของบริษัทต่างๆ ที่วิเคราะห์เพื่อรับฟังมุมมองที่น่าสนใจได้
  • เป็นอาชีพที่ช่วงเริ่มต้นจะค่อนข้างลำบากเพราะต้องอาศัยการเรียนรู้และศึกษาด้วยตัวเองมากพอสมควร (อาจเป็นความยากบางอย่างในการทำงาน หรือ เวลาการทำงานที่ไม่แน่นอน)
  • สิ่งสำคัญที่สุดคือความชอบในการลงทุน
  • ความสามารถในการหาความรู้และศึกษาสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง
  • หากมีความรู้ทางด้านธุรกิจ, การวิเคราะห์งบการเงิน และความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ ตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาตรี หรือโท จะช่วยสนับสนุนการทำงานได้ดี
  • ทักษะคณิตศาสตร์ เป็นพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ 
  • ทักษะการจัดการ ทั้งการจัดการเวลา และปริมาณงานที่มีจำนวนมาก 
  • ทักษะการคิดวิเคราะห์ 
  • ทักษะการสื่อสาร 

การศึกษา

  • ระดับมัธยมปลาย สามารถเริ่มได้จากทั้งสายวิทย์คณิตและสายศิลป์คำนวณ เพราะเป็นอาชีพที่ต้องใช้ความรู้ทางด้านตัวเลขค่อนข้างมาก
  • ระดับปริญญาตรี ส่วนใหญ่จะมาจาก คณะเศรษฐศาสตร์, บัญชี, บริหารธุรกิจ และการเงิน หากมาจากสาขาอื่น อาจต้องศึกษาต่อในระดับปริญญาโท เพื่อให้มีกรอบความคิดในการใช้วิเคราะห์หลักทรัพย์

 

Hard Skills

  • ความรู้ทางธุรกิจ การวิเคราะห์งบการเงิน
  • ความรู้ทางด้านโปรแกรม Excel

 

Soft Skills 

  • ทักษะในการเขียนสื่อความ
  • ทักษะการพูด
  • ทักษะการเข้าสังคมกับผู้ใหญ่

คำบอกเล่าจากคนในสายอาชีพ

"นักวิเคราะห์ที่ดีคือคนที่นำเสนอมุมมองใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และสามารถนำไปสู่คำแนะนำที่สร้างผลตอบแทนได้จริง"

 

IDOLสายอาชีพ 

       ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เป็นผู้บุกเบิกและนำแนวทางการลงทุนแบบ Value Investor ที่เป็นการศึกษาหลักทรัพย์จากตัวของธุรกิจและจะเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นที่ยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เข้ามาใช้ในไทยในยุคแรก ๆ และประสบความสำเร็จในการลงทุนอย่างมาก 

วิชาที่เรียน 

       วิชาที่สำคัญ 3 วิชาหลัก คือ 
  • วิชาการวิเคราะห์การลงทุน ส่วนมากจะเรียนในชั้นปีที่ 3-4 เป็นการศึกษาเกี่ยวกับหลักการในการวิเคราะห์และประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ ประกอบด้วยทั้งการศึกษาด้านทฤษฎีและการทำ Case Study ต่าง ๆ  ถือเป็นพื้นฐานในการศึกษาด้านการลงทุนที่ดี และสามารถต่อยอดไปยังวิชาการลงทุนอื่น ๆ ที่เฉพาะทางมากขึ้นเช่น การวิเคราะห์ตราสารทุน, การวิเคราะห์ตราสารหนี้ และการบริหารพอร์ตการลงทุน 
  • วิชาเศรษฐศาสตร์มหภาค เป็นการศึกษาทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์และกลไกทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเข้าใจผลกระทบและการขับเคลื่อนของกลไกทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่เป็นอีกหนึ่งแขนงวิชาสำคัญในการวิเคราะห์การลงทุน และ 
  • วิชาพื้นฐานบัญชี ศึกษาเพื่อที่จะสามารถเข้าใจงบการเงินของบริษัทที่เราศึกษา ทั้งงบดุล, งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด รวมไปถึงการจัดทำแบบจำลองทางการเงินเพื่อใช้ประเมินแนวโน้มกำไรของบริษัท

เคล็ดลับการเรียน 

  • การศึกษาทางเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะเป็นการเข้าใจถึงทฤษฎีต่าง ๆ เพื่อสร้างกรอบการคิดให้สามารถวิเคราะห์ผลกระทบได้อย่างเป็นระบบ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องหมั่นศึกษาทฤษฎีใหม่ ๆ เพราะนั่นหมายถึงมุมมองการคิดแบบใหม่ที่อาจจะสร้างโอกาสในการลงทุนที่ดีขึ้นได้ 
  • ส่วนการเตรียมตัว การเริ่มต้นอ่านหนังสือการลงทุนจากนักลงทุนชื่อดังจะเป็นวิธีที่ทำให้เรามีวิธีคิดที่ดีและเริ่มต้นการวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้อง แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่จะทำให้เราเก่งขึ้นได้คือการลงมือเข้าไปศึกษาข้อมูลของบริษัทในเชิงลึก ซึ่งจะกลายเป็นความรู้สะสมและสามารถนำไปต่อยอดวิเคราะห์บริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องกันได้

ชีวิตนักศึกษา 

  • ชั้นปี 1-2 จะเน้นการศึกษาทางด้านความรู้พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์, วิชาด้านคณิตศาสตร์ และวิชาพื้นฐานอื่นๆ ที่เรียนรวมกับคณะอื่น ๆ ซึ่งถือว่าสำคัญเพราะเป็นรากฐานที่จำเป็นในการศึกษาวิชาที่ซับซ้อนมากขึ้นในชั้นปี 3-4
  • ชั้นปี 3-4 จะเริ่มมีการแตกแขนงศึกษาในสาขาวิชาเอกที่เราสนใจ หลัก ๆ จะเป็น เศรษฐศาสตร์การเงิน, เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์เพื่อการพัฒนา
  • ชั้นปี 4 ภาคเรียนที่ 2 จะมีการให้ไปฝึกงานในองค์กรต่าง ๆ เพื่อเปิดประสบการณ์ภายใต้สภาพแวดล้อมการทำงานจริง

       การทำกิจกรรมระหว่างเรียนส่งผลต่อชีวิตการทำงานไม่น้อยไปกว่าการศึกษาเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้เจอคนที่มีความสนใจคล้ายกัน ทำให้เราสามารถเข้าไปสัมผัสวงการต่าง ๆ ได้ในเบื้องต้น และได้มีเพื่อนใหม่ที่อาจจะคอยเกื้อหนุนกันได้ในอนาคต ดังนั้นจึงไม่ควรละเลยการเข้าร่วมกิจกรรม 
โดยในฝั่งการเงินกิจกรรมที่ผมแนะนำให้เข้าร่วมที่สุดคือ โครงการ Young Financial Star ของ TSI ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่น้อง ๆ จะได้เข้าไปสัมผัสโลกการลงทุนในหลายสาขา ได้รับคำแนะนำในการทำงานในอาชีพต่าง ๆ รวมถึงได้ Connection จากทั้งเพื่อน ๆ พี่ ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ค่าเทอมตลอดหลักสูตร

  • มหาวิทยาลัยรัฐบาล ประมาณ 10,000 - 20,000 บาทต่อเทอม
  • มหาวิทยาลัยเอกชน เริ่มต้นที่ประมาณ 270,000 บาทขึ้นไป ตลอดหลักสูตร

ทุนการศึกษา

       ทุนการศึกษาหลัก ๆ จะเป็นโครงการจัดทำบทวิจัยจากตลาดหลักทรัพย์ และโครงการสนับสนุนการสอบใบอนุญาตต่าง ๆ โดยมีหน่วยงานหลักคือ TSI ซึ่งเป็นองค์กรด้านองค์ความรู้ของตลาดหลักทรัพย์

 


Copyright © 2019 TruePlookpanya. All rights reserved.
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข หรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร