รถไฟฟ้าได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเดินทางมากขึ้นหลังจากมีการทำส่วนต่อขยายทำให้เราได้เดินทางอย่างสะดวกสบาย แถมยังประหยัดเวลา และผู้ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างรถไฟฟ้าก็คือ วิศวกรระบบราง หรือที่เราเรียกว่า Railway Engineering ซึ่งรถไฟฟ้าหนึ่งขบวนที่เราเห็น กว่าจะประกอบเป็นรูปเป็นร่างและเปิดให้บริการนั้น ประกอบด้วยงานด้านวิศวกรรมหลายแขนงด้วยกัน โดยในคำเรียกรวม ๆ ว่า ‘วิศวกรระบบราง’ จะประกอบไปด้วยหลายส่วนที่ทำงานร่วมกัน แต่ที่เกี่ยวข้องกับระบบรางโดยตรงมี 3 ส่วนดังนี้
-
วิศวกรระบบรถไฟฟ้า (Rolling Stock Engineer) ทำหน้าที่จัดการระบบในขบวนรถไฟ ซึ่งก็จะมีวิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า เข้ามาเกี่ยวข้อง
-
วิศวกรรางรถไฟฟ้า (Civil & Track Work) ทำหน้าที่วางโครงสร้างรางวิ่ง ทางโค้งของรถไฟฟ้า ซึ่งก็จะมีวิศวกรรมโยธาเข้ามาเกี่ยวข้อง
-
วิศวกรระบบสัญญาณรถไฟฟ้า (Signalling System) ทำหน้าที่วางระบบอาณัติสัญญาณที่ควบคุมและกำหนดทิศทางการเคลื่อนที่ของรถไฟ ซึ่งก็จะมีวิศวกรไฟฟ้า วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง
ลักษณะการทำงาน
การทำงานจะเรียกว่า งานโครงการ โดยทำงานลักษณะเป็นโครงการหรือเรียกว่า หนึ่งโปรเจค โดยแต่ละโครงการจะใช้เวลาไม่เท่ากัน อาจใช้เวลาถึงหลายปี โดยจะการทำงานจะทำเป็นขั้นตอนตั้งแต่ออกแบบและติดตั้ง ซึ่งแต่ละขั้นตอนอาจกินเวลาหลายเดือนถึง 1 ปี โดยมีขั้นตอนการทำงาน 3 ขั้นตอนหลัก คือ การออกแบบ การติดตั้ง การเปิดให้บริการ และงานซ่อมบำรุง
ขั้นตอนการทำงาน
- Supplier พบผู้รับสัมปทานเพื่อรับเงื่อนไขและสัญญา พูดคุยหารูปแบบของระบบโดยรวมของระบบรถไฟฟ้าที่ตรงความต้องการ และเหมาะสมที่สุดภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดหรือตามความต้องการของผู้รับสัมปทานและเจ้าของโครงการ รวมไปถึงประเมินความเสี่ยงและราคาคร่าว ๆ
- เมื่อได้ระบบที่ต้องการแล้ว จะทำการร่างแบบรายละเอียดระบบย่อยแต่ละระบบเบื้องต้นด้วยคอมพิวเตอร์หรือร่างแบบด้วยมือ (Outline) เพื่อให้ผู้รับสัมปทานพิจารณา ก่อนจะลงดีเทลของแต่ละระบบซึ่งประกอบด้วย ขบวนรถไฟ ระบบไฟฟ้า ระบบสัญญาณและระบบอื่น ๆ ก่อนจะส่งไปสร้างเป็นดรออิ้ง (drawing) และชิ้นงานจริง
- สร้างเป็นชิ้นงาน ส่งแบบที่ได้รับอนุมัติแล้วไปสร้างเป็นชิ้นงานตามแบบ
- ติดตั้งชิ้นงาน ลงมือประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่จริงให้ได้ตามแบบดรออิ้ง (drawing) ที่ดีไซน์ไว้
- ทดสอบระบบ (System Validation) ทำการทดสอบแต่ละระบบว่าสามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งหลังจากที่ทดสอบแต่ละระบบย่อยแล้วจะต้องนำมาทดสอบรวมกันทั้งระบบใหญ่โดยต้องคำนึกถึงความปลอดภัยและได้มาตรฐานที่กำหนดด้วย
การเปิดให้บริการ
- ติดตามงานคงค้างจากงานโครงการตลอดระยะเวลาประกันของ Supplier เพื่อให้ระบบมีความเสถียร
งานซ่อมบำรุง
- หลังเสร็จงานโครงการพร้อมเปิดให้บริการและพร้อมให้ผู้โดยสารทั่วไปใช้งานแล้ว ต้องมีการดูแลรักษาระบบให้ทำงานได้อย่างราบรื่นไปเรื่อย ๆ โดยไม่ให้เสียกลางทางหรือเกิดปัญหาระหว่างเดินรถ ซึ่งจะดูแลโดยส่วนซ่อมบำรุงด้วยวิธีซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน (Maintenance)
สถานที่ทำงาน
- ออฟฟิศหรือสำนักงาน ส่วนที่ต้องเอาไว้คุยงาน ประชุม วางแผน ออกแบบ รายงานผล
- โรงซ่อม ส่วนที่เป็นเวิร์กช้อปในการซ่อมแซมรถไฟฟ้า
ผู้ที่ต้องทำงานด้วย
- เจ้าของโครงการ ผู้ลงทุนในการดำเนินงาน จัดหาผู้รับสัมปทานเดินรถ กำหนดงบประมาณทั้งหมดซึ่งก็คือหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแล
- วิศวกรโครงการ เมื่อต้องพิจารณาเลือกระบบของรถไฟฟ้า
- วิศวกรระบบรถไฟฟ้า ได้แก่ วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า เป็นต้น สามารถทำได้ทั้งงานโครงการและซ่อมบำรุง
- วิศวกรระบบรางและทางวิ่ง ได้แก่ วิศวกรโยธา เป็นต้น สามารถทำได้ทั้งงานโครงการและซ่อมบำรุง
- วิศวกรระบบสัญญาณ ได้แก่ วิศวกรไฟฟ้า วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรคอมพิวเตอร์ เป็นต้น สามารถทำได้ทั้งงานโครงการและซ่อมบำรุง
- หน่วยงานภาครัฐ ตรวจงานร่วมกัน
- วิศวกรซ่อมบำรุง ต้องคุยงานกันเมื่อเกิดปัญหาต่าง ๆ ได้แก่ วิศวกรซ่อมบำรุง
- ซัพพลายเออร์ เมื่อต้องซื้อวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างและติดตั้งงานระบบทั้งในและต่างประเทศ
- ผู้รับเหมางานก่อสร้าง เป็นทีมก่อสร้างประกอบด้วยช่างหลายแขนง
- ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นซึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าของโครงการเพื่อช่วยกันดูภาพรวมของระบบร่วมกับผู้ได้รับสัมปทาน
วิศวกรระบบรางจะมีความก้าวหน้าทางอาชีพในลักษณะของการได้เลื่อนขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น หากตำแหน่งสูงขึ้นก็จะได้รับค่าตอบแทนสูงตามไปด้วย โดยรายได้เริ่มต้นจะอยู่ที่ 22k - 30k ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และบริษัทที่สังกัดอยู่ หากใครที่มีประสบการณ์มาก (ประมาณ 10 ปีขึ้นไป) ก็อาจจะผันตัวไปเป็นที่ปรึกษาซึ่งจะทำได้รายได้สูงถึงแสนบาทต่อเดือน
- เป็นอาชีพที่มั่นคง เพราะเป็นสาขาวิชาที่เฉพาะมาก ต่อให้ลาออกไปบริษัทอื่นก็มักจะดึงตัวไปทำงานด้วย
- ได้ความรู้ใหม่ระหว่างทำงาน หากใครที่เรียนระบบรางมาโดยเฉพาะ เมื่อทำงานไปสักพักก็จะสามารถรู้เรื่องระบบไฟฟ้าเพิ่มเติม ได้พัฒนาตัวเองตลอดเวลา
- ได้ไปดูงานต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ต้องซื้อวัสดุอุปกรณ์ด้วย (Suppliers) เพื่อติดตามงานไม่ให้เกินไทม์ไลน์ หรือเพื่อไปดูการเทสต์อุปกรณ์ที่จะซื้อ
- งานไม่เป็นจำเจเป็น Routine บางวันอาจจะได้เข้าออฟฟิศ แต่บางวันก็จะได้ไปทำงานหน้างาน ทำให้ไม่จำเจ ซ้ำ ๆ เดิม ๆ
- เป็นงานที่น่าภาคภูมิใจ เพราะได้ช่วยให้ผู้คนได้เดินทางสะดวกมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และภูมิใจที่ได้ใช้ในสิ่งที่ตัวเองสร้างเองกับมือ
- กินนอนไม่ตรงเวลา ในส่วนของวิศวกรซ่อมบำรุงที่ต้องทำงานเป็นกะ บางคนอาจต้องนอนเช้า ทำงานเย็น หรือทำงานข้ามวัน อาจจะทำให้เสียสุขภาพได้
- วันหยุดจะไม่เหมือนคนอื่น เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ก็อาจจะไม่ได้หยุดเหมือนอาชีพอื่น แต่ไปหยุดวันธรรมดาที่คนอื่นไม่หยุดแทน
- ต้องเตรียมพร้อมเสมอ เพราะบางวันอาจเจอหมายที่ไม่ได้นัดล่วงหน้า ต้องไปทำเทสต์หน้างาน หรือไปตรวจเช็คเมื่อรถไฟมีปัญหา
- ต้องเดินตรวจงานหลายกิโล ต้องเดินตรวจงานตามความยาวของรางรถไฟฟ้า ยาวแค่ไหนในทางวิ่งก็ต้องเดินตรวจสอบเพื่อเช็คความปลอดภัย
- ต้องย้ายสถานที่ทำงาน ในอนาคตอาจจะต้องย้ายไปทำที่จังหวัดอื่นเมื่อมีโครงการเปิดสายรถไฟฟ้าใหม่ ๆ ทำให้ไม่ได้อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง
- มีความกดดันสูง เพราะเป็นงานเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้คน
- เสี่ยงต่อความปลอดภัย อาจจะเกิดอันตรายระหว่างที่ทำงานได้ โดยเฉพาะหน้างานต้องระวังตัวเสมอ
- มีสปิริตในการทำงาน คือมีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะทำให้สำเร็จ แม้ในวันที่ต้องทำงานล่วงเวลาก็ต้องสามารถที่จะอยู่ต่อได้ เพราะบางขั้นตอนของการทำงานต้องทำให้เสร็จ ไม่สามารถหยุดได้
- มีวินัย อดทน ตื่น นอนเป็นเวลาได้ ไม่เลทจนทำให้เพื่อนร่วมงานเดือนร้อนหรือเสียงาน และบางขั้นตอนต้องทำงานแข่งเวลา ต้องทำให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น
- ละเอียดรอบคอบ ไม่ผิดพลาดระหว่างทำงาน เพราะอาจสร้างปัญหาทำให้รถไฟเสียได้
- ความรับผิดชอบสูง ต้องทำงานให้ได้ตามเป้าหมายหรือสูงกว่านั้น เพราะหากทำไม่ได้ อาจทำให้รถไฟมีปัญหาได้
- ร่างกายแข็งแรง ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เพราะหากต้องออกงานเทสต์รถไฟตอนดึก ๆ ร่างกายต้องแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่ทำให้ทำงานหลายชั่วโมงติดต่อกันไม่ได้
- เปิดรับสิ่งใหม่เสมอและเรียนรู้สิ่งเก่า ๆ ไม่ปิดกั้นตัวเองเหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว เพราะเทคโนโลยีรถไฟเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต้องเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ รวมถึงต้องศึกษาสิ่งเก่าๆไว้เนื่องจากพื้นฐานของรถไฟแม้เทคโนโลยีใหม่เข้ามาแต่ยังอยู่บนพื้นฐานของระบบรางดั้งเดิม
- กล้าพูด กล้าแสดงออกอย่างมีเหตุผล หากเกิดการถกเถียงกันก็ต้องทำเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด
- ความรู้ด้านวิศวกรรมระบบราง วิศวกรรมขนส่งทางราง, เทคโนโลยีระบบรางหรือนวัตกรรมธุรกิจระบบรางที่เรียนเกี่ยวกับระบบรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ
- พื้นฐานด้านวิศวกรรม เช่นความรู้พื้นฐานด้านวิศวกรรมโยธา เครื่องกล ไฟฟ้าเป็นต้น
- ทักษะภาษาอังกฤษ เพราะวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการทำงานมักจะเขียนด้วยภาษาอังกฤษจึงต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับดี อ่านออก เขียนได้ พูดได้ เพราะต้องไปดูงานต่างประเทศด้วย
- ทักษะการแก้ปัญหา รู้จักใช้เหตุผลและสติในการแก้ไขปัญหาอย่างรอบคอบ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เพื่อให้ปัญหาคลี่คลายไปในทางที่ถูกต้อง ทำให้งานเดินต่อไปได้ไม่มีปัญหา
- ทักษะการสื่อสาร ต้องสามารถที่จะพูดให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน ไม่ทำให้เกิดความสับสนจนทำให้การทำงานผิดพลาดหรือล่าช้า ไปจนถึงพรีเซ้นต์งานได้อย่างคล่องแคล่ว
- การทำงานเป็นทีม เนื่องจากต้องทำงานเป็นทีมใหญ่ ต้องพบปะผู้คนหลายระดับ ต้องรู้จักรับฟังและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดี ไม่สร้างความขัดแย้ง
- การวางแผนและการบริหารจัดการเวลา รู้จักบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้ว่าอะไรควรทำก่อน-หลัง ไม่ใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์จนทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้
- ทักษะด้านความปลอดภัย เดินตรวจอยู่ในรางต้องระวังตัวเอง อย่าไปเดินใกล้ตัวรางที่มีการจ่ายไฟฟ้า หรือ Turn Out ที่อาจจะทำการสับได้ทุกเมื่อและทำให้เกิดอันตรายต่อตัวเองได้และคนรอบข้างได้
- ทักษะคิดวิเคราะห์และการคำนวน สามารถที่จะคำนวนตามสูตรได้อย่างถูกต้อง เมื่อต้องใช้ในการทำงาน
- ทักษะการเป็นผู้นำ
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หลักสูตรวิศวกรรมข่นส่งทางราง
- มหาวิทยาลัยมหิดล หลังสูตรวิศวกรรมระบบขนส่งทางราง (หลักสูตรนานาชาติ ป.โท)
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลักสูตรวิศวกรรมระบบราง (ป.โท)
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี หลักสูตรวิศวกรรมระบบราง
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลวิชาเอก
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หลักสูตรวิศวกรรมบัณฑิต
- มหาวิทยาลัยศรีปทุม หลักสูตรวิศวกรรมระบบราง
- มหาวิทยาลัยรังสิต หลักสูตรเทคโนโลยีระบบราง
Hard Skills
- ความรู้เชิงวิศวกรรม มีความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์พื้นฐานหลายแขนง
- ความรู้เรื่องเทรนด์เทคโนโลยี มีความรู้ด้านเทคโนโลยีเดิมและเทคโนโลยีใหม่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- ภาษาอังกฤษ ฝึกให้อยู่ในระดับดี รู้ทั้งศัพท์ทั่วไปและศัพท์เทคนิคที่เกี่ยวกับรถไฟโดยเฉพาะ
- ทำแบบจำลองข้อมูลได้ หรือ Data modeling ความสัมพันธ์กันระหว่างข้อมูลที่ซับซ้อนให้ผู้อื่นเห็นและเข้าใจภาพรวมได้ง่าย
- พรีเซนต์งานได้ สามารถพูดต่อหน้าผู้คนได้และมีประสิทธิภาพ
Soft Skills
- Communication สื่อสารเป็น ตอบตรงคำถาม อธิบายงานให้ผู้อื่นเข้าใจได้ มีไหวพริบ
- Problem-Solving แก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้และมีประสิทธิภาพ
- Critical thinking มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดเป็นขั้นตอน
- Organisation มีความสามารถในการจัดการงานได้ลงตัวและทันเวลา
- Leadership มีทักษะการเป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ
- Teamwork ทำงานงานเป็นทีมได้ และเป็นผู้ร่วมงานที่ดี มองเห็นคุณค่าของเพื่อนร่วมงาน
กิจกรรมต่าง ๆ
- ค่ายรางที่จัดโดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
- การไปทัศนศึกษา ดูงานนอกสถานที่ เช่น ดูงานอุโมงค์รถไฟใต้ดิน โรงซ่อมเพื่อดูงาน
- ทำโปรเจคแข่งกันเกี่ยวกับระบบรถไฟฟ้า เช่น โปรเจคที่จัดโดยมหาวิทยาลัยสุรนารี และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
“รุ่นน้องหลายคนมาเรียนตามหนังรถไฟฟ้ามาหานะเธอ แต่พอมาเรียนจริงหลายคนก็พูดว่า ไม่เห็นเหมือนในหนังเลย เพราะในหนังเขาพูดไม่หมด วิศวกรระบบรางไม่ได้ทำงานตอนกลางคืนเสมอไป มีกลุ่มที่ทำงานในออฟฟิศ กลุ่มที่ออกแบบ และก็ยังมีกลุ่มที่ทำสัญญาณรถไฟ ดูแลระบบของรถไฟ เราไม่ได้มีแค่ซ่อมรถไฟอย่างเดียวเหมือนพี่ลุงในหนัง และผู้หญิงเองก็ทำงานด้านนี้กันเยอะไม่ได้มีแต่ผู้ชาย”
นพณัฐ ตีระพงศ์ไพบูลย์ วิศวกรระบบราง
วิชาที่เรียน
ใครที่กังวลว่า ไม่เก่งคำนวนเลยจะเรียนไหวไหม ต้องขอบอกว่าหากชอบและมีแพชชั่นเกี่ยวกับรถไฟฟ้าจริง ๆ เรียนกลาง ๆ ก็ยังไหวของแค่ใจรัก ไปดูกันว่าวิศวกรระบบรางเขาเรียนอะไรกันบ้างคร่าว ๆ
- วิชา Introduction to Railway สอนพื้นฐานของระบบรางทั่วไป เบสิกพื้นฐานตั้งแต่ประวัติของรถไฟของโลก ระบบที่ใช้มีระบบไหนบ้าง รถไฟในโลกมีกี่ประเภทตามรูปแบบการบริการเพื่อให้รู้ความต่างของรถไฟแต่ละระบบ มันต่างกันยังไง
- วิชา Track Work การออกแบบตัวราง การยกโค้งสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ
- วิชา Introduction to signaling เบสิกพื้นฐานการทำงานของสัญญาณแต่ละแบบว่าทำงานยังไงเบื้องต้น
- วิชา Rolling Stock Technology การเคลื่อนตัวของรถไฟฟ้า
- วิชาระบบขับเคลื่อนรถไฟ มอเตอร์มีกี่แบบ วิธีการคำนวนแรงในการขับเคลื่อน
- วิชา High-Speed Railway ภาพกว้างของระบบ High-Speed ต้นกำหนด High-Speed ในโลกมีกี่แบบ ทำไมประเทศนี้ถึงใช้รูปแบบรถแบบนี้
- วิชา Tribology การสึกหรอของล้อและราง
ค่าเทอมตลอดหลักสูตร
17,000 บาท - 23,000 ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการศึกษา
- วิศวกรรมเครื่องกล
- วิศวกรรมไฟฟ้า
- เจ้าหน้าที่ประจำโรงไฟฟ้า
Copyright © 2019 TruePlookpanya. All rights reserved.
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข หรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร