นักโภชนาการ หนึ่งในอาชีพด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่แนะนำดูแลด้านอาหารเพื่อคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเพื่อนมนุษย์ นักโภชนาการในโรงพยาบาลนั้น มีหน้าที่หลักคือการให้โภชนาการบำบัดที่เหมาะสมกับผู้ป่วย เพราะอาหารถือเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนการรักษาโรคที่สำคัญ นักโภชนาการจึงถือเป็นบุคคลากรทางการแพทย์ ที่สนับสนุนให้แผนการรักษาของแพทย์เป็นไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ลักษณะการทำงาน
หน้าที่หลักของนักโภชนาการ(ในโรงพยาบาล) คือให้โภชนบำบัดที่เหมาะสมกับผู้ป่วย โดยจะทำการแปลคำสั่งของแพทย์ในการรักษาผู้ป่วย มาเป็นค่าพลังงานหรือสารอาหารที่ผู้ป่วยควรได้รับ โดยต้องจัดสรรวัตถุดิบเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานในครัวของโรงพยาบาลสร้างสรรค์อาหารออกมาให้แก่ผู้ป่วย
นอกจากการดูแลเรื่องครัวและอาหารในโรงพยาบาลแล้ว นักโภชนาการยังต้องทำงานในส่วนของคลินิก จะเป็นการตรวจสอบภาวะโภชนาการผู้ป่วยว่าจะเกิดภาวะทุพโภชนาการแค่ไหน (Malnutrition) หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือ ภาวะขาดสารอาหารของผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ต้องใช้เคมีบำบัด ทำการฉายเสียง ส่งผลให้มีอาการข้างเคียงเป็นอาการคลื่นไส้อาเจียนหรือท้องเสียได้ นักโภชนาการจะต้องทำการประเมินความเสี่ยง และให้คำแนะนำกับแพทย์ในการจัดสรรอาหารให้คนไข้ได้รับสารอาหารและพลังงานให้ครบถ้วน เพื่อฟื้นฟูร่างกาย โดยการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์อีกครั้งหนึ่ง
ขั้นตอนการทำงาน
นักโภชนาการในโรงพยาบาลจะมีขั้นตอนในการทำงานดังนี้
- งานครัว จะรับคำสั่งแพทย์ online มาตามระบบ ไปนำข้อมูลมา เช็คประวัติผู้ป่วยเฉพาะโรค แล้วจึงทำการแปลคำส่งของแพทย์ไปเป็นค่าพลังงานและเลือกวัตถุดิบและเมนูอาหารเพื่อส่งต่อให้พนักงานทำอาหารในครัว
- เช็คคุณภาพอาหาร ปริมาณ การจัดอาหารให้ถูกต้องก่อนนำขึ้นไปยังหอผู้ป่วย โดยต้องคำนวณและจัดการปริมาณอาหารในครัวให้ดีและเหมาะสม
- ในทุกสัปดาห์จะมีการ Round ward (เช็คการผู้ป่วยที่หอผู้ป่วยร่วมกับแพทย์) เป็นเคสพิเศษที่นักโภชนาการต้องคำนวณพลังงานและความต้องการสารอาหารทุกสัปดาห์ โดยทำงานร่วมกับแพทย์และสหสาขาอื่น ๆ อย่าง พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพบำบัด
- ในส่วนของคลินิก จะต้องให้คำปรึกษาแก่แพทย์หรือคนไข้ทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วย ตัวอย่างเช่น เช่น แพทย์มีเคสว่าเป็นผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย คนไข้รับประทานอาหารให้น้อยมีสารอาหารโปรตีนไม่ถึงเป้าที่ต้องการ นักโภชนาก็ต้องไปคำนวนค่าพลังงานแคลอรี่ให้เป็นรายๆ ไป
หากเป็นนักโภชนาการที่อยู่ในอุตสาหกรรมอื่น อาทิ ศูนย์บริการความงาม องค์กรเอกชน จะมีขั้นตอนการทำงานที่แตกต่างไป แต่พื้นฐานการทำงานคือการคิดคำนวณพลังงาน และแนะนำอาหารให้แก่ผู้เข้ารับปรึกษาเช่นเดียวกัน
สถานที่ทำงาน
- โรงพยาบาล ในกรณีที่เป็นนักโภชนาการในโรงพยาบาล จะเน้นการทำงานให้โภชนบำบัดแก่ผู้ป่วยและสนับสนุนการรักษาของแพทย์
- ศูนย์บริการเสริมความงาม นักโภชนาที่ทำงานในสายนี้ จะเน้นให้คำปรึกษาและความรู้ทางโภชนาการแก่ผู้ที่สนใจเรื่องการลดน้ำหนัก หรือบำรุงผิวพรรณ
- องค์กรเอกชน หรือสถานที่ทำงานส่วนตัว นักโภชนาการสามารถเข้าไปทำงานในองค์กรเอกชน ที่ทำธุรกิจด้านอาหารหรือด้านสุขภาพ เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาหรือคำนวณแคลอรี่ให้เหมาะสมกับลูกค้าขององค์กร รวมทั้งสามารถเปิดธุรกิจด้านโภชนาการของตัวเอง หรือธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพได้
ผู้ที่ต้องทำงานด้วย
- สหวิชาทางการแพทย์ต่าง ๆ อย่าง แพทย์ พยาบาล เภสัชกร กายภาพบำบัด เช่น เภสัชกรจะต้องมีการแลกเปลี่ยนว่ายาบางชนิดไม่ควรรับประทานคู่กับอาหารประเภทไหน หรือในกรณีที่ทำงานร่วมกับนักกายภาพบำบัด ที่ผู้ป่วยมีปัญหาในเรื่องกล้ามเนื้อส่งผลต่อการกลืนอาหาร นักภายภาพจะประสานขอความร่วมมือให้นักโภชนาการออกแบบอาหารที่ได้พลังงานและสามารถให้คนไข้ประเภทนี้รับประทานได้
- ผู้ป่วย บางเคสที่ต้องได้รับการดูแลด้านโภชนาการเป็นพิเศษ อาจทำให้นักโภชนาการต้องพูดคุยกับผู้ป่วยโดยตรง
- ผู้ต้องการปรึกษาด้านรูปร่างความงาม
- กลุ่มนักธุรกิจผู้ผลิตอาหาร
ทางเลือกอาชีพ
- ที่ปรึกษาด้านโภชนาการเพื่อความงามหรือการลดน้ำหนัก
- ประกอบธุรกิจส่วนตัวด้านอาหารเพื่อสุขภาพ หรืออาการสำหรับผู้ป่วย
- เชฟ
ตำแหน่งและเส้นทางการเติบโต
- สายงานโรงพยาบาลและโรงเรียนแพทย์ จะมีการเติบโต ดังนี้
- นักวิชาการโภชนาการ
- นักโภชนาการชำนาญการ
- นักโภชนาการเชี่ยวชาญ
โดยต้องมีการทำวิจัยเพื่อเลื่อนขั้นเป็นลำดับถัดไป
- สายงานอื่น ๆ จะมีเส้นทางการเติบโตไปตามองค์กรต้นสังกัด
รายได้
- องค์กรเอกชน อาจมีเงินเดือนเริ่มต้นเข้าทำงาน ประมาณ 18,000 บาท- 30,000 บาท
- ในสายโรงพยาบาลบางแห่ง เริ่มต้น 20,000 บาท แต่หากทำงานวิจัยเลื่อนขั้น จะปรับเงินเดือนขึ้นค่อนข้างสูง
- นักโภชนาการ หากเป็นวิทยากรให้ความรู้ตามองค์กรต่าง ๆ 5000 – 6000 ต่อครั้ง
การแข่งขันและความต้องการของตลาด
ยุคสมัยนี้ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อาชีพนักโภชนาการเริ่มมีความมั่นคง และมีทางเลือกอาชีพที่หลากหลายมากขึ้น แม้บางโรงพยาบาลอาจมีนักโภชนาการจำนวนมาก แต่ในหลายโรงพยาบาลก็ยังคงขาดแคลน ดังนั้น จึงถือเป็นอาชีพที่ัยังถือเป็นที่ต้องการอยู่ในระดับหนึ่ง
- ได้ความรู้อัพเดทเทรนด์โลก เรื่องสุขภาพตลอดเวลา มีความรู้ติดตัวก็นำไปสอนคนไข้ให้ทันโรคได้ ไม่ถูกหลอกไปกับโฆษณาชวนเชื่อ
- ตระหนักถึงโรค NCD คือกลุ่มโรคที่มาจากพฤติกรรมการกิน ที่แม้ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นโรคเรื้อรัง
- ถ้าทำในโรงพยาบาล อาจจะมีการเข้าเวร ที่จะไม่เป็นเวลา เรื่องวันหยุดก็จะไม่ปกติ เพราะคนไข้จะต้องรับประทานอาหารทุกวัน การทำงานของเราจึงสำคัญกับสุขภาพของคนไข้าก
- ต้องรับมือให้ได้กับการที่ต้องพบเจอคนไข้ทุกรูปแบบ เพราะเราเลือกแล้วที่จะมาทำงานเป็นผู้เสียสละ
- อดทนรับความกดดันให้ได้
- มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
- ทักษะภาษาอังกฤษ
- ทักษะคิดวิเคราห์ คำนวณความต้องการของสารอาหาร
- ทักษะศัพท์ทางการแพทย์ ที่จำเป็นมาก เพราะต้องรับออเดอร์จากแพทย์ (กรณีทำงานในโรงพยาบาล)
- ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า (ผักบางชนิดหมด เอาอะไรมาแทน)
- ทักษะการฟัง
- ทักษะจิตวิทยา การพูดกับคนไข้ ถามคำถามปลายเปิด มองหาจุดบกพร่องในการปรับพฤติกรรม
- ในระดับมัธยมศึกษาต้องเรียนสายวิทย์คณิตเท่านั้น
- ระดับปริญญาตรี เข้าเรียนในสาขาด้านอาหารและโภชนาการ ซึ่งชื่อเรียกคณะจะแตกต่างกันไปตามแต่ละสภาบัน เช่น คณะสหเวชศาสตร์ สาขาวิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร,
คณะเกษตร สาขาอาหารและโภชนาการ. คณะวิทยาศาสตร์ สาขาคหกรรมศาสตร์-การกำหนดอาหารและโภชนบำบัด เป็นต้น แต่วุฒิได้รับจะเป็นวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาอาหารและโภชนาการ(หรือใกล้เคียง ขึ้นอยู่กับสถาบัน)
Hard Skills
- ตามระบบการเรียนของสายวิทย์ทั้งหมด ตั้งเป้าหมายให้ดี ตอนที่เรียนในมหาวิทยาลัยถ้าเลือกไว้ตั้งแต่แรกว่า จะเป็นเชฟ หรือนักโภชนาการได้จะมีประโยชน์มากยิ่งขึ้น จะได้สามารถโฟกัสำด้ถูกจุด
- ฝึกทำอาหารบ่อย ๆ และทำความรู้จักวัตถุดิบต่าง ๆ ให้มาก
Soft Skills
- ฝึกการพูดและสื่อสารอย่างมีจิตวิทยา เพราะในการทำงานจริง เราต้องมีการพูดคุยกับผู้คนที่ต้องการปรับพฤติกรรมการกินหรือแม้แต่ผู้ป่วย ซึ่งต้องสื่อสารโน้มน้าวให้พวกเขาให้ความร่วมมือให้ได้ เพื่อสุขภาพของพวกเขาเอง
กิจกรรม
- ลองฝึกงานตามร้านอาหาร ในส่วนการประกอบอาหาร โดยเฉพาะร้านที่มีการคำนวนแคลอรี่อย่างชัดเจน
วิชาที่เรียน
ตัวอย่างวิชาบังคับในหลักสูตร อาหารและโภชนาการ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปี 2552
-
หลักการประกอบอาหาร
-
สุขาภิบาลอาหาร
-
วิทยาศาสตร์การประกอบอาหาร
-
โภชนศาสตร์มนษย์
-
ปฏิบัติการทางโภชนศาสตร์มนษย์
-
การจดเตรียมอาหาร
-
หลักการถนอมอาหาร
-
เทคนิคการนําเสนอทางอาหารและโภชนาการ
-
โภชนศาสตร์ในวฏจักรชีวิต
-
การวิเคราะห์อาหารและโภชนาการ
-
การจัดการระบบบร้านอาหาร
เคล็ดลับการเรียน
ในช่วงปีแรก ๆ จะยังเรียนวิชาพื้นฐานของสายวิทยคณิตอยู่ ซึ่งวิชาเคมีเป็นวิชาที่ยากมาก ดังนั้นควรฝุกทำโจทย์เยอะ ๆ เพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น
ค่าเทอมตลอดหลักสูตร
114, 400 บาท (ตลอดหลักสูตร หรือประมาณ 14, 300 บาท/เทอม
- เชฟ
- นักวิทยาศาสตร์การอาหาร
- นักกำหนดอาหาร
Copyright © 2019 TruePlookpanya. All rights reserved.
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข หรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร