นักปฐพีวิทยา
นักปฐพีวิทยา
นักปฐพีวิทยา
นักปฐพีวิทยา

       ปฐพี หมายถึง ดินหรือแผ่นดิน ปฐพีวิทยาจึงเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งศึกษาเกี่ยวเรื่องของดินทั้งเรื่องต้นกำเนิดและความสำคัญทั้งด้านกายภาพ เคมี และชีวภาพ โดยนักปฐพีวิทยาจะทำการสำรวจ จำแนกวิจัยเพื่อศึกษาและอนุรักษ์ดินเพื่อประโยชน์แก่และมนุษยชาติอย่างยั่งยืน โดยจะแยกนักปฐพีวิทยาได้อีกสองประเภทใหญ่ ๆ คือ นักปฐพีธรรมชาติ (Pedologist) และนักปฐพีวิทยาสัมพันธ์ (Edaphologist)

ลักษณะงาน

นักปฐพีวิทยา แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1. นักปฐพีธรรมชาติ (Pedologist)
       เป็นการศึกษาเพื่อนำดินไปใช้ประโยชน์ในด้านวิศวกรรม ซึ่งก็มีหลายสาขาวิชาที่นำไปใช้ อาทิ สาขาวิชาการเกิดดินและการจำแนกดิน (soil genesis and classification) ศึกษาด้านการเกิดดินและการจำแนกดิน สาขาการสำรวจดิน (soil survey) ศึกษาด้านการสำรวจดิน ทำแผนที่ดิน หน้าตัดดิน สาขาสัณฐานวิทยาของดิน (soil morphology) ศึกษาด้านลักษณะ รูปร่างหน้าตัดดิน เช่นสีดิน เนื้อดิน จุดประ โครงสร้างของดินการยึดตัวของดิน วัตถุต้นกำเนิด และสาขาวิทยาแร่ในดิน (soil mineralogy) ศึกษาสารอนินทรีย์ที่เป็นเนื้อเดียวกัน ค่อนข้างที่จะแยกชัดเจนจากแต่ละสาขาวิชา เพราะหน้าที่การทำงานจะต่างกันอย่างสิ้นเชิงรวมถึงทักษะความรู้เฉพาะทาง
 
2. นักปฐพีวิทยาสัมพันธ์ (Edaphologist)
       เป็นการศึกษานำดินไปใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกพืช สาขาที่เกี่ยวข้อง คือ สาขาวิชาความอุดมสมบูรณ์ของดิน (soil fertility) ศึกษาด้านความอุดมสมบูรณ์ของดิน การปรับปรุงดิน ปริมาณธาตุอาหารที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตของพืช สาขาวิชาฟิสิกส์ของดิน (soil physics) ศึกษาด้านคุณสมบัติทางกายภาพของดิน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของพืช สาขาเคมีดิน (soil chemistry) ศึกษาด้านคุณสมบัติทางเคมีของดิน ปฏิกิริยาของดิน สาขาชีววิทยาของดิน ( soil microbiology ) ศึกษาด้านสิ่งมีชีวิตในดิน และกิจกรรมของสิ่งมีชีวิตในดิน สาขาการจัดการและการอนุรักษ์ดิน (soil management and conservation) ศึกษาด้านการจัดการดิน การป้องกัน การแก้ไข การใช้ดินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมกับการใช้ประโยชน์ในการเกษตร และ สาขาดินสำหรับป่าไม้ (forest soils) ศึกษาด้านความอุดมสมบูรณ์ของดินป่าไม้ ในด้านกายภาพ เคมี และชีววิทยา รวมถึงการสะสมของอินทรียวัตถุในดินด้วย
 

ในประเทศไทยจะมีแต่ “นักปฐพีวิทยาสัมพันธ์” ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการตามหน่วยงานราชการและบริษัทเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร

 

ขั้นตอนการทำงาน 

  • ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างดิน น้ำ พืช ในห้องปฏิบัติการ
  • ทำงานวิจัยด้านการเกษตร
  • ทำระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS)
  • ให้คำแนะนำในการจัดการด้านเกษตร

สถานที่ทำงาน 

  • กรมวิชาการเกษตร ตามจังหวัดต่างๆ
  • กรมพัฒนาที่ดิน
  • สถานีพัฒนาที่ดิน ตามจังหวัดต่างๆ
  • บริษัทเอกชน ที่เป็นธุรกิจด้านการเกษตรและสิ่งแวดล้อม
  • สถาบันการศึกษา

ผู้ที่ต้องทำงานด้วย

  • โปรแกรมเมอร์
  • นักวิชาการเกษตร
  • นักโรคพืช/นักกีฏะ
  • นักปรับปรุงพันธุ์พืช
  • ฝ่ายขาย
  • เป็นงานสามารถต่อยอดทำงานร่วมกับส่วนงานอื่น เพื่อพัฒนาการจัดการด้านเกษตร
  • ได้ช่วยเหลือเกษตรกร
  • งานที่ทำมีความหลากหลาย ไม่น่าเบื่อ
  • สำหรับคนที่ชอบทำงานเป็นหลักแหล่ง งานนี้ทำให้ต้องทำงานนอกสถานที่บ่อยครั้ง เช่น การสำรวจพื้นที่ ลงแปลงเกษตร และแต่ละครั้งมักเป็นงานกลางแจ้ง 
  • รายได้ไม่แน่นอน ฐานเงินเดือนเริ่มต้นไม่สูงมาก การปรับเงินเดือนมักขึ้นอยู่ทักษะที่พัฒนาได้
  • ถึงจะได้วุฒิการศึกษาเป็น วทบ. แต่ไม่สามารถสมัครงานในสายวิทยาศาสตร์ได้
  • ศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ
  • มีความรับผิดชอบสูง
  • ช่างสังเกตและจดจำได้ดี สายงานด้านนนี้จะต้องอยู่กับการทดลอง การช่างสังเกตการจดจำ ความแม่นยำต่างเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการทำการวิจัยทดลองกลุ่มตัวอย่างดินและข้อมูลต่าง ๆ ที่หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ที่เสียหาย
  • ทักษะเฉพาะทางการวิเคราะห์ดิน น้ำ พืช ในห้องปฏิบัติการ
  • ทักษะการคิดวิเคราะห์ (Analytical Thinking) ยึดหลักที่เป็นเหตุและผลเสมอ เชิงข้อมูล เพราะการทำงานที่ต้องค้นคว้าวิจัย ออกสำรวจกลุ่มตัวอย่าง และใช้กระบวนการที่หลากหลายอตกต่าง จึงต้องมีทักษะในการวิเคราะห์ประยุกต์ใช้ข้อมูลอย่างถูกต้องเหมาะสม มีความเข้าใจในข้อมูลและหาคำตอบจากสมมุติฐานในเรื่องที่ทำอยู่ได้ดี
  • ทักษะเชิงวิพากษ์ (critical thinking) นักปฐพีวิทยาต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการหาคำตอบและข้อเท็จจริง หรือการเชื่อมโยงคำตอบให้ใกล้เคียงต่อการวิตับให้มากที่สุด ดังนั้นการคิดเชิงวิพากษ์โดยอาศัยปัจจัยรอบด้านเป็นพื้นฐานสำคัญที่จำเป็น
  • ทักษะการตัดสินใจ นอกจากทักษะความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์เฉพาะทางแล้ว การตัดสินใจเลือก ค้นหาทดลองเพื่อหาคำตอบต่องานที่ทำ ส่งผลต่องานวิจัยและการทดลองของเป็นอย่างมาก
  • ทักษะทางคณิตศาสตร์ เช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์สาขาอื่น ๆ ความเข้าใจพื้นฐานทางคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก
  • ทักษะด้านการสื่อสาร  สำหรับการอธิบายสิ่งที่กำลังศึกษาวิจัย กระบวนการที่ใช้และค้นพบอะไรบ้างเพื่อให้ให้คนอื่นเข้าใจและทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่วิจัยอยู่ กระบวนการหรือวิธีที่ใช้ ความคืบหน้าในการค้นพบ และความหมายจากการค้นพบเหล่านั้นคืออะไร ส่งผลต่อการพัฒนาดินและเป็นประโยชน์อย่างไร

การศึกษา

  • ระดับมัธยมศึกษา เรียนสายสามัญ สายวิทย์-คณิตเท่านั้น
  • ระดับอุดมศึกษา ปริญญาตรี - ศึกษาต่อคณะเกษตร ภาควิชาปฐพีวิทยา ซึ่งมีหลายสาขา โดยวุฒิการศึกษาจะเป็น วิทยาศาสตร์บัณฑิต(เกษตร) (วทบ.เกษตร) ใช้เวลาเรียน 4 ปี ในบางสถาบันอาจมีการเลือกภาควิชาตอนปี 2 โดยมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศที่เปิดสอนในหลักสูตรนี้ได้แก่
    • สาขาวิชาปฐพีศาสตร์  คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
    • สาขาปฐพีวิทยา  คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    • สาขาปฐพีวิทยา คณะเกษตร กำแพงแสน  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
    • สาขาวิชาปฐพีศาสตร์และอนุรักษศาสตร์ ภาควิชาพืชศาสตร์และปฐพีศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    • สาขาวิชาปฐพีศาสตร์และสิ่งแวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น
    • สาขาปฐพีวิทยา ภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
    • สาขาวิชาปฐพีศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

 

Hard Skills 

  • ตั้งใจเรียนวิชาของสายวิทย์คณิต เพื่อเป็นเส้นทางสู่เส้นทางอาชีพนี้ และเป็นพื้นฐานในการทำงาน
  • แม้นักปฐพีวิทยนั้น แม้จะทำงานด้านเกษตร แต่ก็ต้องพัฒนาด้านภาษาอังกฤษด้วย เพราะการเกษตรไม่ได้หยุดอยู่แค่ในประเทศเท่านั้น ต่างประเทศก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ต้องศึกษาและนำมาใช้

Soft Skills

  • ลองทดลองสังเกตผู้คนและเกตุการณ์ต่างๆ เพื่อสร้างนิสัยเป็นคนช่างสังเกต

  • ฝึกทักษะการสื่อสาร หรือการอธิบายเรื่องยาก ๆ ให้เข้าใจง่ายให้ผู้อื่นฟัง 

       ตัวอย่างของหนึ่งในหลักสูตรที่ผลิตบัณฑิตที่สามารถประกอบอาชีพนักปฐพีวิทยา คือ หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) สาขาวิชาปฐพีวิทยา ชื่อภาษาอังกฤษ : Bachelor of Science (Agriculture) Program in Soil Science ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

       หลักสูตรปฐพีวิทยา เปิดสอนระดับปริญญาตรี ทำการสอนและวิจัยทางปฐพีวิทยา ผลิตบัณฑิต ให้มีความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ในด้าน การใช้ปุ๋ยชีวภาพและปุ๋ยเคมีเพื่อการเกษตร การใช้ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อการอนุรักษ์ การจำแนกดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดิน สมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ของดิน นอกจากการเรียนการสอนและการวิจัยแล้ว หลักสูตรยังได้ดำเนินการเผยแพร่ความรู้ และให้บริการทางวิชาการ รวมทั้งบริการวิเคราะห์ดินและพืชแก่ประชาชนทั่วไปด้วย

วิชาที่เรียน

  • วิชาทั่วไป ได้แก่กลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ ภาษา คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 
  • วิชาเฉพาะ
    • กลุ่มวิชาแกนวิทยาศาสตร์ : วิชาคณิต, ฟิสิกส์, เคมี, ชีวะ, พันธุศาสตร์, พฤษศาสตร์ ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ
    • กลุ่มวิชาแกนเกษตรศาสตร์ : เป็นกลุ่มวิชาด้านการเกษตรพื้นฐานทั้งหมด เช่น เทคโนโลยีการผลิตพืชทั้งพืชไร่ พืชสวนและพืชผัก, หลักการเลี้ยงสัตว์, ศัตรูพืชเบื้องต้น, เศรษฐศาสตร์เกษตรเบื้องต้น,การวางแผนการทดลองทางการเกษตรเบื้องต้น, หลักการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร
    • กลุ่มวิชาเฉพาะบังคับ : กลุ่มวิชานี้จะเป็นกลุ่มวิชาเฉพาะของภาควิชา เช่น พืชเศรษฐกิจ,นิเวศวิทยาและการปรับตัวของพืช, ความอุดมสมบูรณ์ของดิน, ปุ๋ยและการใช้ปุ๋ย, การวิเคราะห์ดินและพืช, จุลชีววิทยาทางดิน, การสำรวจดิน, การอนุรักษ์ดินและน้ำ, ปฏิบัติการในชุมชน

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

       ในชั้นปี 1 – 2 จะเรียนวิชาพื้นฐานทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และส่วนใหญ่มักเรียนรวมกับคณะวิทยาศาสตร์ ควรมีวิชาเลือกในกลุ่มภาษา, กลุ่มสังคมศาสตร์และกลุ่มมนุษยศาสตร์ เพื่อดึงให้คะแนนเกาะกลุ่มปานกลางถึงสูง สะสมไว้เพื่อเกรดเฉลี่ยสะสมตอนจบ

       ส่วนในชั้นปี 3 – 4 จะเรียนวิชาของภาควิชาปฐพีวิทยา มีทั้งวิชาบังคับเรียนและสามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจ และควรมีวิชาเลือกนอกสาขาเพื่อผ่อนคลายจากการเรียนวิชาภาค ปี 3 มีฝึกงาน 2 แบบ คือ แบบที่ 1 ถ้าฝึกงาน 2 เดือน ต้องกลับมาทำงานวิชาพิเศษ เรียกว่า ทำปัญหาพิเศษในตอนปี 4 แบบที่ 2 ถ้าฝึกแบบสหกิจศึกษา 4 เดือน จะมีโครงการร่วมกับที่ฝึกงาน 1 เรื่อง นอกจากวิชาเรียนปกติแล้วยังมีสัมมนา สหกิจ/ปัญหาพิเศษ เคล็ดลับอยู่ที่การเลือกอาจารย์ที่ปรึกษา ควรเลือกอาจารย์ที่ถนัดหรือเชี่ยวชาญสาขาที่เราสนใจ จะทำให้เราไม่เครียดและสนุกกับมันจริงๆ

ค่าเทอมตลอดหลักสูตร 

       ค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร ประมาณ  112,000 - 240,000 บาท (โดยประมาณ)

​มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก

 


Copyright © 2019 TruePlookpanya. All rights reserved.
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข หรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร