สำหรับชุดนิทานที่ขึ้นชื่อและเป็นที่นิยมในระดับโลก ได้แก่ นิทานอีสป ซึ่งแต่งโดย อีสป ทาสนักเล่านิทานสมัยกรีกโบราณ ซึ่งจุดเด่นของนิทานอีสปนั้น คือ การใช้สัตว์หรือสิ่งของไม่มีชีวิตมาเป็นตัวละครที่พูดคุยสื่อสารกันได้เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ โดยมีเรื่องราวกล่าวถึงการเติบเป็นผู้ใหญ่ คุณธรรมจริยธรรม ศาสนา สังคม และการเมืองในซึ่งได้รับอิทธิพลจากสังคมในสมัยนั้น โดยในประเทศไทย เราจะคุ้นเคยกับนิทานอีสปที่จบด้วยประโยคที่ว่า “นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า” ซึ่งจะเป็นการสรุปคติหรือแนวคิดที่ได้จากนิทานเรื่องนั้นนั่นเอง โดยนิทานอีสปที่ได้รับความนิยมมากจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ เรื่องกระต่ายกับเต่า ราชสีห์กับหนู และ มดกับตั๊กแตน เป็นต้น
ชุดนิทานที่ได้รับความนิยมอีกชุดหนึ่งคือ เทพนิยายของพี่น้องตระกูลกริมม์ ซึ่งเป็นนิทานที่รวบรวมขึ้นจากเรื่องเล่าพื้นบ้านและตำนวนปรัมปราของยุโรป โดยพี่น้อง "เจค็อบ" และ "วิลเฮล์ม" ซึ่งเป็นต้นแบบของนิทานเลื่องชื่อในปัจจุบัน เช่น สโนว์ไวท์ ซินเดอเรลล่า เจ้าหญิงนิทรา และหนูน้อยหมวกแดง เป็นต้น
แม้ว่าเทพนิยายของพี่น้องตระกูลกริมม์นั้น ตามต้นฉบับจะไม่ใช่นิทานที่น่าอภิรมย์และเหมาะสมกับเด็กเท่าไหร่นัก แต่ต่อมาก็มีการรังสรรค์และดัดแปลงให้กลายเป็นเรื่องราวที่สวยงามและเหมาะสมกับเด็กมากขึ้น ซึ่งเราจะคุ้นเคยกับการที่ค่ายการ์ตูนเอนิเมชันอย่างวอลล์ ดิสนีย์ ได้นำนิทานบางเรื่องไปทำเป็นการ์ตูนอนิเมชั่น จนได้รับความนิยมไปทั่วโลก
นิทานมีความเกี่ยวเนื่องกับเด็กอย่างมาก เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับเด็ก ทั้งจากการอ่านหรือฟังนิทาน หรือแม้แต่ความรู้หรือคติสอนใจต่าง ๆ ที่สอดแทรกในเรื่องราวนิทานนั้น ๆ ซึ่งการที่เด็กอ่านนิทานหรือฟังนิทานจากการเล่าเรื่องโดยผู้ปกครองหรือครูผู้สอนนั้น นอกจากเด็กจะได้เรียนรู้เรื่องของการใช้ภาษาอย่างถูกต้องผ่านตัวหนังสือหรือการเล่าเรื่องแล้ว ยังได้รับความรู้และแนวคิดต่าง ๆ จากเนื้อหานิทานนั้น ๆ รวมยังส่งเสริมให้เด็กมีความคิดและจินตนาการได้อีกด้วย นิทานจึงถึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก โดยเฉพาะในเด็กเล็กและวัยเริ่มต้น
ปัจจุบันมีสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้ออกหนังสือนิทานในเรื่องราวที่หลากหลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่ดัดแปลงจากเรื่องราวที่มีอยู่เดิม หรือเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าตลาดของนิทานสำหรับเด็กนั้นยังคงมีความสำคัญและได้รับสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และเป็นธรรมดาที่สำนักพิมพ์ต่าง ๆ จะออกหนังสือนิทาน โดยมีจุดประสงค์ในการส่งเสริมบางสิ่งบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพัฒนาเด็กในเรื่องนั้น ๆ ซึ่งหลายสำนักพิมพ์ก็ได้มีการศึกษาและวิจัยจนออกมาเป็นหนังสือเพื่อการเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ แต่ก็มีไม่น้อยที่มีจุดประสงค์ในเรื่องอื่น
จากนิทานตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เราจะเห็นว่านิทานนั้นไม่ใช่แค่เรื่องเล่าธรรมดาทั่วไปเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการสอดแทรกเรื่องราวในสังคมตามยุคสมัยลงไปด้วย เพียงแต่ไม่ได้แสดงอย่างโจ่งแจ้งจนกลายเป็นหลักฐานอิงประวัติศาสตร์ แต่ใช้ประโยชน์จากนิทานเพื่อเล่าขานถึงแนวคิดให้กับคนอื่น ๆ ซึ่งนับเป็นการถ่ายทอดที่สร้างสรรค์และแยบยล มากกว่าที่จะไปบอกเล่าโดยตรง ซึ่งถ้ามองเช่นนี้ การรังสรรค์นิทานออกมาในรูปแบบใดนั้น ก็ล้วนเป็นสิทธิที่สำนักพิมพ์ต่าง ๆ จะดำเนินการได้ ตราบใดที่ไม่ผิดกฎหมายหรือขัดกับหลักศีลธรรมอันดีที่เป็นสากล ซึ่งการขัดขวางโดยที่ยังไม่มีการตรวจสอบอย่างถ่องแท้นั้น ย่มเป็นเรื่องที่ไม่สมควร โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่มีเสรีภาพและความหลากหลายทางความคิด
แต่อย่างไรก็ดี การรังสรรค์นิทานเรื่องใดในลักษณะใดแม้ว่าเป็นสิทธิของผู้แต่ง แต่ผู้แต่งรวมถึงสำนักพิมพ์ที่ผลิตก็ควรพึงระลึกไว้เสมอถึงสิ่งที่จะให้กับผู้อ่านหรือผู้ฟัง ซึ่งสวนใหญ่เป็นเด็กว่าพวกเขาเหล่านั้นควรได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องราวเหล่านี้ และมันเหมาะสมหรือไม่กับวัยของพวกเขา เพื่อให้นิทานนั้นเป็นประโยชน์ต่อตัวพวกเขามากกว่าที่จะส่งผลกระทบที่ไม่ดี
สุดท้าย แม้ว่านิทานเรื่องนั้นจะเหมาะสมหรือไม่ ผู้ที่ต้องเลือกก็คือตัวผู้บริโภคเอง ซึ่งก็คือเด็กและผู้ปกครองที่จะเลือกหรือไม่เลือกใช้หนังสือนิทานในเรื่องนั้น ๆ ซึ่งแนวทางที่เหมาะสมในการเลือกนิทานให้เด็ก ตามความคิดของผู้เขียนนั้น จะต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
การเลือกนิทานให้เด็กนั้น ควรดูให้เหมาะสมกับวัย ในวัยแรกเริ่ม อาจเป็นนิทานภาพ และเมื่อโตขึ้นก็มีการใช้คำและประโยคมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันหนังสือนิทานส่วนใหญ่ จะมีการกำหนดอายุไว้ ซึ่งช่วยให้ผู้ปกครองเลือกหานิทานสำหรับเด็กได้เหมาะสมกับวัยของพวกเขา
การเลือกนิทาน สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือเนื้อหาของนิทานเรื่องนั้น ๆ ซึ่งผู้ปกครองจะต้องลองอ่านดูก่อนว่ามีความเหมาะสมกับเด็กวัยนั้น ๆ หรือไม่ ซึ่งบางสำนักพิมพ์นั้นจะมีการระบุไว้ว่านิทานเรื่องนี้ช่วยพัฒนาเด็กในเรื่องอะไร ทำให้ผู้ปกครองสามารถเลือกหานิทานได้ตามความเหมาะสมของเด็กได้มากขึ้น
เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ปกครองจะต้องกรองนิทาน โดยเลือกเฉพาะนิทานที่ใช้ภาษาสละสลวยและเหมาะสมกับเด็ก แต่ละวัย โดยเฉพาะนิทานที่เป็นสองภาษา ซึ่งควรมีการตรวจสอบภาพความถูกต้องทางภาษาให้เรียบร้อย มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะเลือกซื้อนิทานจากสำนักพิมพ์ที่มีความน่าเชื่อถือ
สำหรับตัวหนังสือนิทาน ควรออกแบบให้มีความสวยงาม ซี่งจะดึดดูดความสนใจของเด็กได้ดี นอกจากนี้ ยังควรใช้สีที่ปลอดภัย และลบคมเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายกับเด็กด้วย
สิ่งสำคัญที่ช่วยให้เด็กสนใจอ่านหรือฟังนิทานในเรื่องนั้น ๆ คือ การที่เด็กมีส่วนร่วมในการเลือกนิทานเล่มโปรดของพวกเขาเอง มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ปกครองควรเปิดโอกาสให้เขาเลือกนิทานด้วยตัวเอง โดยผู้ปกครองคอยแนะนำและนำเสนออย่างเหมาะสม
อย่าลืมว่า นิทานนั้นจะมีประโยชน์เมื่อเด็กได้อ่าน หรือ ผู้ปกครองอ่านให้เขาฟัง ทำความเข้าใจร่วมกับเขา คอยแนะนำและให้คำอธิบายที่ดี เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในครอบครัว ซึ่งถ้าทำได้แบบนี้ ต่อให้มีสิ่งชวนเชื่อใด ๆมากน้อยแค่ไหน มันก็ไม่มีผลอะไรต่อตัวเด็ก เพราะถึงอย่างไร สานสัมพันธ์ที่มี ก็มีคุณค่าและอิทธิพลมากกว่าสิ่งเหล่านั้นอยู่ดี
เรียบเรียงโดย : นรรัชต์ ฝันเชียร