ครูที่มีคุณลักษณะที่ดี จะส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างบรรยากาศที่เหมาะสมในการเรียนรู้ สามารถเฟ้นหาแนวทางจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมให้กับนักเรียน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทักษะที่มาจากการฝึกฝนและประสบการณ์ ในทางกลับกัน ตรงกันข้ามกับครูที่มีลักษณะดี คือ ครูที่มีลักษณะที่ไม่ดี ครูเหล่านี้มีจุดอ่อนที่ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอน ด้วยลักษณะของครูที่ไม่ดีที่พบเห็นโดยส่วนใหญ่นั้น มีดังนี้
การจัดการชั้นเรียนที่ดีคือสิ่งสำคัญที่คุณครูทุกคนต้องสามารถจัดการได้ คุณครูที่ไม่สามารถควบคุมชั้นเรียน หรือไม่อาจทำให้นักเรียนหันมาสนใจที่ตัวคุณครูได้ นอกจากจะทำให้ชั้นเรียนมีบรรยากาศที่ไม่เหมาะสมต่อการเรียนการสอนแล้ว ยังทำให้ผู้เรียนเรียนรู้โดยไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหายนะอย่างมากสำหรับครูผู้สอน การจัดการชั้นเรียนที่ดี สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันแรก โดยการผสมผสานขั้นตอนการดำเนินการและความคาดหวังที่ไม่สูงเกินไป (ซึ่งอาจวางกฎเกณฑ์ร่วมกันกับผู้เรียน) และเมื่อมีการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมก็ให้ดำเนินงานตามขั้นตอนที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งจะช่วยให้ชั้นเรียนมีบรรยากาศการเรียนรู้ที่เหมาะสม
แม้ว่าผู้ปฏิบัติงานครู จะต้องมีใบประกอบวิชาชีพครู เพื่อแสดงถึงศักดิ์และสิทธิในการประกอบอาชีพครู แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าครูจะมีความรู้ทุกคน โดยเฉพาะในเรื่องของความรู้ใหม่ ๆ ซึ่งถ้าคุณครูไม่รู้จักหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาตัวเอง ก็จะส่งผลเสียต่อการเรียนการสอน และขาดความน่าเชื่อถือจากนักเรียนได้ ดังนั้นจึงควรที่จะศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะสอนทุกครั้ง
ครูผู้สอนที่มีประสิทธิภาพจะต้องมีทักษะในการจัดการองค์กรที่ดี สามารถบริหารทรัพยากร พื้นที่และเวลาได้อย่างเหมาะสม สามารถให้การช่วยเหลือและปรับปรุงพื้นที่โดยมีแนวทางและคำแนะนำที่ดี ซึ่งผิดกับครูที่ขาดทักษะเหล่านี้ ที่มักจะถูกครอบงำในองค์กรแบบเดิม ๆ และเป็นผลทำให้การปฏิบัติงานไม่มีประสิทธิภาพ
ครูมืออาชีพ คือ ครูที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู มีทักษะความพร้อมในการทำงาน มีความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนการสอน มีความประพฤติที่ดี วางตัวเหมาะสม และ สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมาก ครูที่ขาดความเป็นมืออาชีพ มักจะมีปัญหาในการทำงาน เช่น มีพฤติกรรมและการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม จัดการชั้นเรียนไม่ได้ หรือไม่มีความรับผิดชอบในการทำงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลเสียต่อการทำงาน ทำให้ไม่ก้าวหน้า เสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างและอาจโดนร้องเรียนได้
การขาดสติสัมปชัญญะและปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือสามัญสำนึกนั้น เป็นหนทางแห่งความพินาศของผู้ที่กระทำลงไปในทุก ๆ อาชีพ ไม่เว้นแม้แต่อาชีพครู การกระทำเมื่อขาดสติ ทำลายทั้งงาน มิตรภาพ และมีผลกระทบที่ไม่ดีตามมาอีกมากมาย โดยเฉพาะการกระทำที่อยู่ในภาวะตึงเครียด ซึ่งทำให้เราตัดสินใจทำอะไรได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น ตั้งสติให้ดีก่อนที่จะทำอะไร คิดหน้าคิดหลังให้ดี และจงจำไว้ว่าการพลาดปล่อยให้อารมณ์พาไปเพียงแค่ครั้งเดียว อาจไม่มีทางย้อนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกเลย
ทักษะด้านการสื่อสารถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากกับการเป็นครู ครูจำเป็นต้องมีทักษะในการสื่อสารที่ดีและเหมาะสมกับคนในหลาย ๆ ระดับ เราควรสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานเช่นไร กับนักเรียนอย่างไร และกับผู้ปกครองในลักษณะใด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทักษะที่ต้องอาศัยประสบการณ์ การสื่อสารที่ดีจะทำให้ผู้รับสารเข้าใจได้ง่ายแล้ว ยังลดปัญหาที่เกิดจากความเข้าใจผิดได้ หรือแม้แต่เรื่องที่เราผิดพลาด ถ้าเรามีทักษะในการสื่อสารที่ดี เรื่องร้ายก็กลับกลายเป็นดีได้หรือลดทอนลง ในขณะเดียวกันถ้าเราสื่อสารไม่ดี เรื่องผิดพลาดนั้นอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่บานปลาย จนเกิดผลกระทบที่ร้ายแรงกับตัวเองก็เป็นไร
นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างมาก ถ้านักเรียนต้องเรียนกับครูที่ขาดความมุ่งมั่นและขาดแรงจูงใจในการทำงาน เพราะพวกเขาเหล่านั้นจะไม่สนุกกับการสอน ไม่อยากส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ให้กับนักเรียน ไม่ค้นหาหรือกระตุ้นนักเรียนให้เกิดความท้าทายใด ๆ และไม่สนใจปล่อยให้เด็กเรียนรู้กันเองผ่านสื่อต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย สิ่งเหล่านี้ส่งผลเสียต่อการทำงาน และทำให้นักเรียนแย่ลง การขาดความมุ่งมั่นหรือขาดแรงจูงใจในการทำงานนั้น อาจเกิดขึ้นได้กับครูทุกคน เมื่อพวกเขาเบื่อ หรือพบว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทไม่เป็นดั่งที่ตั้งใจ จึงพาลให้เกิดความท้อแท้ใจในการทำงาน ซึ่งถ้าไม่ปรับตัวและหาแรงบันดาลใจใหม่ๆให้กับตัวเอง การขาดความมุ่งมั่นนี้ ก็จะส่งผลกระทบต่อการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงควรเติมเชื้อไฟและหาแรงบันดาลใจในการทำงานให้กับตัวเองอยู่เสมอ
ผู้เขียน : นรรัชต์ ฝันเชียร